ด้วยความที่เติบโตมาในครอบครัวสายบันเทิง ทำให้ คริสเตียน คูบริก (Christiane Kubrick) ค่อย ๆ ซึมซับศาสตร์แห่งการแสดง และก้าวเข้ามาเป็นนักเต้นและนักแสดงในวงการบันเทิงของเยอรมนีในที่สุด ซึ่งนี่เองก็เป็นเส้นทางที่พาเธอไปเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ ‘Paths of Glory (1957)’ ภาพยนตร์สงครามระดับตำนานโดย สแตนลีย์ คูบริก (Stanley Kubrick) สามีในอนาคตของเธอนั่นเอง
แม้ฟังดูแล้ว เส้นทางการเป็นนักแสดงของคริสเตียนก็ดูจะยังไปสวย แต่เมื่อเราไปดูรายชื่อผลงานการแสดงของเธอก็จะพบว่า Paths of Glory คือผลงานเรื่องสุดท้ายที่เธอได้ฝากการแสดงไว้อย่างเป็นทางการ (ไม่รวมการเป็นนักแสดงเอ็กซ์ตราในภาพยนตร์ ‘Eyes Wide Shut (1999)’ นะ) เพราะความจริงแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งความฝันที่ไม่กล้าฝันตั้งแต่เด็ก คือการได้เป็นศิลปินมืออาชีพนั่นเอง ซึ่งก็เป็นหลังจากที่เธอและสแตนลีย์ตกลงปลงใจแต่งงานกัน และย้ายมาใช้ชีวิตชั่วขณะหนึ่งอยู่ที่สหรัฐอเมริกานี่เอง ที่ทำให้เส้นทางการเป็นจิตรกรที่เธอใฝ่ฝันดูจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ในเวลานั้น เธอเริ่มศึกษาและฝึกฝนการวาดภาพระบายสีอย่างจริงจัง จนทำให้ผลงานศิลปะของเธอได้รับการยอมรับในวงกว้างทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งความสำเร็จตรงนี้เองก็ทำให้เธอสามารถจัดนิทรรศการแสดงผลงานจิตรกรรมที่เธอรัก ทั้งในนิวยอร์ค โรม และลอนดอน ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการเส้นทางศิลปะของเธอเลยก็ว่าได้
ผลงานจิตรกรรมของคริสเตียนโดดเด่นด้วยการใช้สีสันจัดจ้านและการสร้างองค์ประกอบที่น่าสนใจ โดยมักเป็นการถ่ายทอดบรรยากาศรอบ ๆ ตัวเธอ ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ พืชพรรณ สิ่งของ บุคคลที่ผ่านไปผ่านมาในชีวิต โดยเฉพาะเหล่าสมาชิกในครอบครัวอย่างลูก ๆ และสามีสุดที่รัก ที่กลายมาเป็นตัวเอกในผลงานจิตรกรรมของเธออยู่หลายต่อหลายครั้ง
คงไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่รักครอบครัวอย่างสุดหัวใจ เพราะถ้าถามถึงแฟนผลงานศิลปะตัวยงของคริสเตียนแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นตัวสแตนลีย์เองที่ให้การสนับสนุนเธอในฐานะศิลปินมาโดยตลอด จะเห็นได้จากการนำผลงานจิตรกรรมหลายต่อหลายชิ้นของเธอไปใช้ประกอบฉากในภาพยนตร์ระดับมาสเตอร์พีซของเขาถึง 2 เรื่องด้วยกัน ทั้ง ‘A Clockwork Orange (1971)’ และ Eyes Wide Shut ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของเขาก่อนจะเสียชีวิตในปี 1999
ในปัจจุบัน คริสเตียนยังคงทำงานศิลปะของเธอต่อไป อีกทั้งยังเปิดคอร์สสอนวาดภาพสีน้ำมันและทำภาพพิมพ์ร่วมกับลูกสาวของเธอในบ้านและสตูดิโอส่วนตัวในอังกฤษ ซึ่งสถานที่แห่งนี้เองก็คือสถานที่จัดงาน ‘Childwickbury Arts Fair’ เทศกาลศิลปะและดนตรีที่ตัวเธอก่อตั้งขึ้นมาในปี 2003 จนประสบความสำเร็จในวงกว้างมาจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่า คริสเตียนในวัย 89 ปียังคงขยันขันแข็งและเปรี้ยวสุด ๆ เลย
อ้างอิง:
https://christianekubrick.com/?fbclid=IwAR3c1rvWRYzR4X18lhvDJoKn_J2G5HTKRZXWHjKuO1tNRvSEJCthn-BYf0I