“โลกสีขาวดำก็มีความน่ารักสดใสปรากฏอยู่ได้เหมือนกันนะ” ประโยคนี้นี้ผุดขึ้นมาในใจเราทันที เมื่อมองภาพวาดของ ‘cucather’ หรือ อิง-นภัสกร บุญคง ศิลปินอิสระผู้ตั้งใจอยู่บ้านเลี้ยงแมวแบบเต็มเวลา และเป็นนักวาดไปเรื่อย ๆ แบบฟูลไทม์
อาจจะเป็นเพราะเรามองเห็นสีสันบางอย่างที่ปรากฏอยู่ในจักรวาลขาว-ดำของ cucather ก็เป็นได้ เลยทำให้รู้สึกสนอกสนใจในโลกไร้สีสันใบนี้เป็นพิเศษ ทั้งความเรียบง่าย ความสบาย ๆ และเรื่องราวที่ไม่มีตัวอักษรบอกกล่าวอะไรสักเท่าไร แต่กลับเชื่อมโยงเรากับเหตุการณ์บางอย่างได้อย่างเป็นธรรมชาติ และบางครั้งกระทั่งตัวเราเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุการณ์ที่ว่านั้นเคยเกิดขึ้นตอนไหน
“คงจะเป็นความทรงจำมั้งคะ” cucather บอกกับเราเมื่อเราอธิบายให้เธอฟังเกี่ยวกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น
เธอเริ่มอธิบายถึงที่มาของเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเรียบง่ายว่าภาพเหล่านี้ไม่ได้มีที่มาจากอะไรไกลตัวเลย “ตัวละครหลัก ๆ ที่เห็นในภาพ เราได้มาจากความทรงจำเกี่ยวกับแมวที่เลี้ยงและตัวเองค่ะ ในแต่ละภาพของ cucather เราแค่อยากเล่าถึงชีวิตที่มีหมาแมวเป็นเพื่อนข้าง ๆ มันดีมากเลยจริง ๆ”
“ตอนสุขหรือทุกข์ เราก็มีหมาและแมวมาช่วยแบ่งปันและแบ่งเบา ส่วนใหญ่เป็นภาพสมมุติว่าถ้าพวกเราได้ทำเรื่องสนุก ๆ ด้วยกันอย่างปีนขึ้นไปนั่งบนหลังคาบ้าน ได้ตากฝนหรือทิ้งตัวลอยอยู่บนฟ้า ได้เล่นเกมด้วยกัน ภาพเหตุการณ์มันน่าจะออกมาเป็นประมาณไหน”
“บางทีก็ให้แมวเป็นภาพสะท้อนของตัวเรา หรือบางภาพก็ได้มาจากเพลงที่ฟัง เพราะตั้งแต่เก็บแมวมาเลี้ยง เพลงรักทุกเพลงก็ยกให้แมวหมดเลย ฮ่าฮ่าฮ่า” เธอกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“อย่างภาพวาดแมวในวัน Lazy Day ก็เป็นภาพที่เราวาดแมวแทนตัวเองในวันที่ขี้เกียจและหมดแรง จำได้ว่าตอนนั้นเป็นวันที่เต็มไปด้วยความขี้เกียจแบบขั้นสุดเลย ขี้เกียจกินข้าว ขี้เกียจแปรงฟัน ขี้เกียจลุกเดินไปไหนมาไหน ขี้เกียจกับทุกสิ่ง แต่สิ่งที่ทำให้ชอบคือเหมือนได้เห็นตัวเองวันที่สภาพอิดโรยในร่างของแมวแทน”
“แล้วเราก็ยังเล่าถึงการแบ่งปันความรักให้เหล่าหมาแมวจรจัดด้วยนะ เพราะแก่นของ cucather คือการเล่าเรื่องชีวิตของคนที่ได้รับความสุขมาจากการได้รับเลี้ยงหมาแมว และความสุขของหมาแมวเมื่อถูกรับเลี้ยงและได้มีบ้านเป็นของตัวเอง และได้รับความรักจากเจ้าของ”
“สำหรับโทนเรื่องและลายเส้นที่ทุกคนเห็น เรามีความเป็นเด็กเป็นแรงบันดาลใจหลักเลย เพราะเราแค่รู้สึกเอ็นจอยที่ตัวเองได้ขีดเขียนวาดรูปด้วยความรู้สึกที่คล้าย ๆ กันกับตอนที่ตัวเรายังเป็นเด็ก วาดแบบไม่ต้องคำนึงอะไรมากมาย ลายเส้นขยุกขยิก บิดเบี้ยวบ้าง จะขีดทิ้งหรือออกนอกเส้นบ้างก็ช่างมันไป แค่วาดมันออกมา พอทุกอย่างอยู่รวม ๆ กันมันกลายเป็นสไตล์ที่วาดแล้วสบายใจที่สุด”
“แต่ถ้าย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของการอยากสร้างงานศิลปะให้กลายเป็นอาชีพ ทุกอย่างเริ่มต้นมาจากการที่เราได้รายได้จากผลงานที่ตัวเองวาดเองเป็นครั้งแรกตอนทำธีสิสจบใหม่ ๆ พร้อมกับได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของคนที่ชื่นชอบผลงานของเรา”
“มันเป็นจุดเล็ก ๆ ที่ทำให้เรามั่นใจขึ้น ทั้งในสไตล์งานของตนเองและการเลือกทางเดินในอนาคตต่อ ๆ ไปของตัวเราเองด้วย เพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่ต้องเลือกระหว่างงานประจำหรือทำอะไรที่เป็นนายตัวเองค่ะ 😀”
“พอความมั่นใจมันเริ่มมาแล้วเราเลยหยุดส่งใบสมัครงานแล้วมาลุยกับการวาดภาพให้สร้างเงินสร้างอาชีพแบบเต็มที่ไปเลย” ศิลปินอธิบายถึงการตัดสินใจครั้งใหญ่ของการก้าวเข้าสู่เส้นทางศิลปินแบบเต็มตัว
แต่เมื่อเราถามถึงที่มาของโลกสีโมโนโทนเหล่านี้ว่า เธอมีเหตุผลอะไรถึงหลงรักสีขาวดำเป็นพิเศษหรือเปล่า ศิลปินก็ตอบกลับมาอย่างติดตลกว่า “เพราะเราค่อนข้างอ่อนด๋อยในการลงสีหรือใช้สีเยอะ ๆ ค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“คือเราต้องบอกว่า พอได้อยู่กับโทนสีขาว-ดำแล้วเราจะไม่มีความรู้สึกลังเลหรือกังวลในการวาดงานเลย พอวาดเสร็จก็เลยรู้สึกว่างานของเรามีสีแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว ส่วนสีอื่น ๆ สำหรับเรามันคือการเพิ่มชีวิตชีวาให้งาน ช่วยเน้นและเล่ารายละเอียดหรือดึงตัวตนของงานให้ภาพมันชัดเจนมากยิ่งขึ้น”
เรียกว่าความลับของโลกโมโนโทนใบนี้ ก็คือความรู้สึกมั่นใจเมื่อเลือกลงสีขาว-ดำ และมองว่ามันคือความสมบูรณ์แบบในงานแต่ละชิ้นแล้ว ส่วนสีสันที่เราสัมผัสได้จากความรู้สึกที่เกิดขึ้นเวลาชมผลงานของเธอ ก็คงจะเป็นร่องรอยความทรงจำอันสดใส ระหว่างศิลปิน สัตว์เลี้ยง และเหล่าหมาแมวจรทั้งหลาย ที่เธอพยายามผลักดันให้น้อง ๆ ทุกคนได้มีบ้านของตัวเองอยู่
ภาพนี้เป็นภาพที่วาดในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยปกติเราจะอยู่เคาท์ดาวน์กับแมวเสมอเพราะต้องคอยเฝ้าระวังแมวจากเสียงจุดพลุฉลองปีใหม่ที่โคตรจะดังทุกปี เราเลยคิดเล่น ๆ ว่าถ้าได้หาอะไรมาเล่นกับหมาแมวรอช่วงเวลาข้ามปีก็น่าจะดีนะ ให้สนุกกันจนลืมกลัวเสียงพลุไปเลย แม้ว่าเด็ก ๆ จะกลัวตอนเสียงพลุดังอย่างน้อยก็ยังมีเราที่อยู่เป็นเพื่อนกัน สิ่งที่ทำให้ชอบงานนี้คือภาพที่วาดออกมาบรรยากาศมันสนุกสนานและอบอุ่นกว่าสิ่งที่เราคิดไว้ในหัวตอนวาดอีกค่ะ y_y
เป็นภาพที่เกิดมาจากความคิดและความกังวลเรื่องอายุที่เพิ่มขึ้นของแมวตัวเอง เลยวาดออกมาเป็นภาพนี้ค่ะ เพราะในความเป็นจริงอายุของหมาและแมวโตนำหน้าเราเสมอ เลยคิดว่าถ้าอายุของหมาแมวเท่ากันกับอายุของคนก็คงดี เราจะได้เติบโตไปพร้อม ๆ กัน มีอายุและเวลาที่มีพอ ๆ กันจะได้ไม่ต้องมีใครชิงบอกลากลับดาวไปไหนก่อน เป็นภาพสมมุติที่ถ้าหากมันเกิดขึ้นจริงได้เราก็อยากจะยืนกอดคอชวนกันไปเล่นซนแบบในภาพเลยค่ะ
เป็นภาพเซ็ตที่ได้มาจากหนึ่งในความฝันยิบย่อยที่อยากเปิดร้านดอกไม้ของตัวเอง เป็นความฝันที่ผ่านมาแว๊บเดียวแล้วก็ผ่านไปอย่างไว พอนั่งนึกได้ว่าตัวเองเคยอยากมีร้านดอกไม้นี่นา เลยจับร้านดอกไม้กับหมาแมวมารวมกัน ‘ถ้าเปิดร้านดอกไม้ก็อยากให้ในร้านมีแมวช่วยขายของและมีหมาเป็นฝ่ายขนส่งช่วย ๆ กันในร้าน’ เป็นอีกภาพที่คอยเตือนความจำถึงความฝันเล็กจิ๋วนี้ของเราค่ะ
ภาพนี้เกิดมาจากช่วงที่ในใจเรารู้สึกเหนื่อยมาก ๆ เลยอยากหาที่นอนนิ่ง ๆ กับแมว เพราะสำหรับเราการได้นอนใกล้ ๆ แมวช่วยให้หัวใจเราสงบเหมือนได้พักเติมพลัง แม้ในความเป็นจริงพวกเราจะไม่ได้นอนให้ลมตีหน้าบนหญ้านุ่ม ๆ แบบในภาพ แต่สิ่งที่ทำให้ชอบภาพนี้เป็นพิเศษเลยคือเหมือนเราได้ระบายทุกอารมณ์ที่เหนื่อยลงไปในตอนที่วาดและรู้สึกสบายใจเหมือนได้พักเมื่อได้มองภาพค่ะ
ถ้าใครอยากลองค้นหาสีสันในโลกโมโนโทนของ cucather ด้วยตัวเอง ว่าจะมีความทรงจำไหนเชื่อมโยงถึงใจเราได้บ้างหรือเปล่า ก็สามารถไปติดตามเธอได้ที่ Instragram: https://www.instagram.com/cucatherr/