coverweb.jpg

“พี่แจ็คครับ… ผมเจอผีโมเนต์!” 8 เรื่องเล่าชวนขนหัวลุกจากหอศิลป์ทั่วโลก

Art
Post on 31 October

ถ้ากินโอรีโอแล้วต้องมีนม ของเก่ากับเรื่องเล่าหลอน ๆ ก็คงเป็นของคู่กันที่แทบจะแยกออกจากกันไม่ได้เช่นกัน และแน่นอนว่าที่ไหนยิ่งมีโบราณวัตถุเก็บสะสมไว้เยอะ ๆ ก็คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การพบเห็นพลังงานลึกลับก็ยิ่งเยอะตามมากเท่านั้น

ในวาระดิถีสัปดาห์ GC Spooky Week เราขอทำหน้าที่เป็น The Ghost Idol สาขาศิลปะ พาทุกคนไปร่วมเปิดประสบการณ์ดูงานศิลปะไป วิ่งหนีกุ๊กกู๋ไปใน 8 เรื่องเล่าชวนขนหัวลุกจาก 8 หอศิลป์ทั่วโลก ที่มีทั้งสยองขวัญ ตื่นเต้น ปนเห็นใจ หลากอารมณ์ผสมปนเปไปหมด

“...หายใจเข้าลึก ๆ นะครับ ค่อย ๆ เล่า ไม่ต้องตื่นเต้น”

British Museum
สหราชอาณาจักร

อย่างที่บอกไปว่า ของเก่ากับเรื่อวเล่าหลอน ๆ ถือเป็นของคู่กัน หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่เข้าข่ายที่ว่าแบบเต็ม ๆ คือ British Museum ในกรุงลอนดอนที่นอกจากจะเป็นสถานที่เก็บรักษาสมบัติทางวัฒนธรรมของโลกไว้มากมายแล้ว ยังเป็นสถานที่ที่มีผู้พบเห็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติอยู่บ่อย ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นประติมากรรมไม้สลักรูปสุนัข Congolese จากศตวรรษที่ 19 ที่สามารถดลบันดาลให้สัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้นได้ ปล่องบันไดอาถรรพ์ที่มีรูปสลักหญิงสาวบนเสาหินอ่อนคอยร่ำไห้ หรือแม้แต่พลังงานลี้ลับจากเทวรูป Sekhmet เทพีอียิปต์โบราณที่ทำให้ทั้งทีมงานและผู้เข้าชมต้องรู้สึกขนลุกกันอยู่บ่อย ๆ

หลาย ๆ คนเชื่อว่าวิญญาณเหล่านี้น่าจะรู้สึกไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่นักที่พวกเขาต้องย้ายถิ่นฐานมาประจำการในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ แทนที่จะเป็นสถานที่ดั้งเดิมที่พวกเขาถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อในท้องถิ่น ซึ่งฟังดูแล้วก็ทำเอาเราแอบเห็นใจเหล่าผีสางเหล่านี้อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

Munch Museum
นอร์เวย์

ไม่ใช่แค่ภาพ The Scream อันโด่งดังเท่านั้นที่ศืลปิน Edvard Munch หยิบยกการแสดงสีหน้าหวาดกลัวสุดขีดของมนุษย์มาเป็นตัวเอกของจิตรกรรม ในผลงาน The Dead Mother ที่เขาวาดไว้ในปี 1899 เองก็เช่นกัน เขาวาดภาพของเด็กหญิงที่กำลังกรีดร้องอย่างสุดเสียง ด้านหลังเห็นเป็นเตียงของแม่ผู้ล่วงลับ ซึ่งว่ากันว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ภาพนี้มาจากความทรงจำในวัยเด็กที่เขาต้องเสียแม่และพี่น้องไปจากอาการป่วยด้วยวัณโรค

แต่นั่นก็ไม่ระทึกขวัญมากไปกว่าการที่หลาย ๆ คนพูดตรงกันว่า ในขณะที่กำลังยืนชมภาพจิตรกรรมชิ้นนี้ในพิพิธภัณฑ์ Munch Museum พวกเขามักจะได้ยินเสียงกรอบแกรบของผ้าปูเตียงเวลาที่เข้าใกล้ภาพดังกล่าว แถมยังรู้สึกถึงสายตาของเด็กหญิงในรูปที่ขยับเขยื้อนเคลื่อนที่ตามพวกเขาไปทั่วทุกมุมห้อง ยิ่งไปกว่านั้น ในบางครั้ง เธอก็หายออกไปจากรูปซะดื้อ ๆ อย่างนั้นก็มี ขนลุกแล้วพี่แจ็ค!

Cleveland Art Museum
สหรัฐอเมริกา

ขึ้นชื่อฤาชากันมาเนิ่นนานสำหรับ Cleveland Art Museum ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ผีสิงที่มีผู้พบเห็นสิ่งลี้ลับกันจนเป็นปกติธรรมดา ตั้งแต่การปรากฏตัวในเสื้อแจ็กเกตผ้าทวีตของ William Mathewson Milliken อดีตผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ในอดีตที่คอยเดินไปเดินภายในส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของอาคาร ไปจนถึงการพบเห็นชายหนุ่มในภาพจิตรกรรม Portrait of Jean-Gabriel du Theil at the Signing of the Treaty of Vienna ของศิลปิน Jacques André Joseph ที่มักจะออกมานั่งจ้องมองภาพวาดของตนเองให้ผู้เข้าชมได้เห็นเซเลบตัวเป็น ๆ กันเป็นบุญตา

แต่ที่พีคที่สุดเห็นจะเป็นเหตุการณ์ในปี 2015 ก่อนการจัดแสดงนิทรรศการ Painting the Modern Garden: Monet to Matisse ที่ทีมงานของพิพิธภัณฑ์ต่างลงความเห็นตรงกันว่า พวกเขาเจอดีเข้าให้แล้ว! เพราะในขณะที่พวกเขากำลังติดตั้งผลงานของศิลปินชั้นครูอย่าง โมเนต์ และ มาทีสส์ อยู่นั้น พวกเขาก็เหลือบไปเห็นร่างของชายชราหนวดเครายาวเฟื้อยพร้อมหมวกคู่กายอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของจิตรกรผู้ล่วงลับกำลังยืนดูพวกเขาจากบนระเบียง เห้ย! นี่มันโมเนต์ตัวจริงเสียงจริงชัด ๆ 

แต่ถ้าพูดปากเปล่าเดี๋ยวเขาจะหาว่าโม้ Jeffrey Strean ผู้อำนวยการด้านการออกแบบและสถาปัตยกรรมจึงรีบแชะภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งถ้าจะให้พูดกันตามจริง ชายแก่ในภาพก็ดูเหมือนแทบจะหลุดออกมาจากภาพถ่ายในอดีตของโมเนต์จริง ๆ นั่นแหละ แต่มันก็ไม่แน่เช่นกันว่านี่อาจเป็นเพียงความบังเอิญที่มีลุงสักคนหลุดเข้ามาเดินเล่นในพิพิธภัณฑ์เช่นกัน

Louvre Museum
ฝรั่งเศส

บางคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่า ในช่วงศตวรรษที่ 12 พื้นที่ที่ปัจจุบันถูกเรียกว่า พิพิธภัณฑ์ Louvre Museum เคยทำหน้าที่เป็นป้อมปราการในยามศึกมาก่อน และแน่นอนว่า สถานที่ในอดีตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนานเช่นนี้ก็ย่อมเคยผ่านเหตุการณ์นองเลือดที่มาพร้อมกับตำนานเรื่องเล่าสยองขวัญมากมายนับไม่ถ้วนด้วยเช่นกัน

หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวของ Jean l’Ecorcheur หรือ Jack the Skinner คนขายเนื้อคนสนิทของพระราชินีแคทเธอลีน เดอ เมดีชี ในช่วงศตวรรษที่ 16 ที่ภายหลังถูกพระราชินีสั่งฆ่า เหตุเพราะเขา ‘รู้มาก’ เกินไป อาจเป็นภัยต่อราชวงศ์ในภายหลัง

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา วิญญาณของเขาก็คอยออกมาหลอกหลอนพระราชินีและเหล่าวงศาคณาญาติอยู่ร่ำไป จนในที่สุดเขาก็ถูกขนานนามว่าเป็น Red Man of the Tuileries ที่มีที่มาจากการที่เขามักจะปรากฏตัวในชุดสีแดงอยู่เสมอ เชื่อไหมว่า แม้แต่นโปเลียนผู้ยิ่งใหญ่เองก็ยังหนีไม่พ้น เคยป๊ะกับดวงวิญญาณของเขามาแล้วในช่วงปี 1815 และถ้าใครอยากสัมผัสประสบการณ์เดียวกับราชวงศ์ฝรั่งเศสก็ต้องลองไปโฉบแถว ๆ อาคารพิพิธภัณฑ์ รวมไปถึงสวนใกล้ ๆ ดู เพราะนั่นคือสถานที่ที่มีผู้พบเห็นเขาบ่อยที่สุดแล้ว

Smithsonian Institution
สหรัฐอเมริกา

แม้จะเสียชีวิตและถูกฝังร่างไร้วิญญาณอยู่ที่กรุงเจนีวามาตั้งแต่ปี 1829 แต่อีก 74-75 ปีให้หลัง ร่างของผู้ก่อตั้งของ Smithsonian Institute อย่าง James Smithson ก็ถูกเคลื่อนย้ายมาฝังที่สหรัฐอเมริกาภายในพื้นที่ของสถาบันที่เขาเป็นผู้สนับสนุนหลักในการสร้างอีกครั้ง ซึ่งนี่เองอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้หลาย ๆ คนได้มีโอกาสพบเห็นวิญญาณของเขาคอยเดินสาดส่องไปทั่วอาณาบริเวณอยู่เสมอ ๆ

นอกจากการออกงานโชว์ตัวต่อหน้าสาธารณชนของผู้ก่อตั้งแล้ว จากปากคำของทีมงานและผู้เข้าชมหลาย ๆ คนยังระบุอีกว่า พวกเขาได้เจอประสบการณ์แปลก ๆ ภายในสถานที่แห่งนี้อีกหลายครั้งหลายครา ตั้งแต่การปรากฏตัวของ Spencer Fullerton Baird ภัณฑารักษ์คนแรกของพิพิธภัณฑ์ ไปจนถึงการพบเห็น Fielding B. Meek นักบรรพชีวินวิทยาชื่อดังในอดีตที่เคยอยู่อาศัยและตายที่นี่ตั้งแต่ปี 1876 นู่น!

Metropolitan Museum of Art
สหรัฐอเมริกา

หลอนจนสร้างเรื่องสร้างราว หลอนจนดูโอหมอผีอย่าง Dr. Pete และ Dr. Stew อดรนทนไม่ไหวต้องขอแวะมาล่าท้าผีด้วยอุปกรณ์ตรวจจับวิญญาณสุดไฮเทคอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ฟันธงแล้วว่า มีผีจริงไม่ติงนัง โดยเฉพาะบริเวณปีกประติมากรรมและศิลปะตกแต่งยุโรปที่พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานลี้ลับได้ในระหว่างการล่าท้าผีกับทาง Observer ในปี 2013

ไม่ใช่แค่นั้น แต่ยังมีหลาย ๆ เสียงพูดตรงกันว่า พวกเขามักจะเห็นวิญญาณของเด็กหญิงตัวน้อยคอยวิ่งเล่นอยู่ภายในบริเวณของศูนย์ศึกษาศิลปะอเมริกัน Henry R. Luce ที่ไม่ได้มาวิ่งเล่นเปล่า แต่ยังคอยส่งเสียงขำคิก เพิ่มบรรยากาศชวนขนหัวลุกแบบทวีคูณขึ้นไปอีก หลาย ๆ คนเชื่อว่า เธอคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือลูกสาวของพนักงานที่เคยทำงานที่นี่ในอดีต

...อยู่มานานขนาดนี้ยังไม่ยอมไปผุดไปเกิดอีก แต่ถ้าหนูมีความสุขพี่ก็สบายใจแล้ว 🥹

Feingarten Gallery
สหรัฐอเมริกา

แม้จะไม่ใช่เรื่องสยองที่เกิดขึ้นภายในหอศิลป์ตรง ๆ แบบเรื่องอื่นเขา เพราะภาพ The Hands Resist Him ที่ศิลปิน Bill Stoneham วาดไว้ตั้งแต่ปี 1972 นั้นได้สร้างชื่อเสียงโด่งดังระดับไวรัลไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ตจากการปรากฏตัวในโพสต์ขายของในเว็บไซต์ eBay ที่ประกาศอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า นี่คือภาพจิตรกรรมผีสิง! พร้อมแนบคลิปวิดีโอแสดงภาพของเด็กชายตัวน้อยที่ค่อย ๆ คลานออกมาจากภาพดังกล่าว (นี่ยังไม่รวมเรื่องเล่าประเภทที่ว่า คนที่ได้เห็นภาพนี้จะรู้สึกอ่อนแรง เป็นลม หรือแม้แต่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าขัดข้องอีกนะ)

แต่ถึงอย่างนั้น ภาพวาด The Hands Resist Him ก็ไม่ได้เพิ่งมาสร้างเรื่องสร้างราวชวนขนหัวลุกในยุคสมัยแห่งดิจิทัลเท่านั้น เพราะหากย้อนไปในวันแรกที่มันถูกจัดแสดงที่ Feingarten Gallery ในรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกานั้น มันก็ถูกเชื่อว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความตายของเจ้าของหอศิลป์และนักวิจารณ์ศิลปะคนแรกที่ได้เขียนบทวิจารณ์ถึงมันด้วย

มหาวิทยาลัยศิลปากร (วังท่าพระ)
ไทย

พาไปล่าท้าผีกันทั่วโลกขนาดนี้จะขาดตัวแทนจากฝั่งไทยไปได้ยังไง ซึ่งมิสเฮี้ยนประจำหอศิลป์ภายในประเทศไทยก็คงจะไม่มีใตรสมมงมากไปกว่า  มหาวิทยาลัยศิลปากร (วังท่าพระ) ที่ ๆ ผลิตบุคลากรศิลปะมากพอ ๆ กับเรื่องผีเลยทีเดียว

ก่อนจะเป็นมหาวิทยาลัยแบบในปัจจุบัน พื้นที่วังท่าพระแห่งนี้คือที่พำนักของเหล่าเจ้านายมาหลายยุคหลายสมัย ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 1 และมีชื่อเสียงขึ้นชื่อว่า ‘ผีดุ’ มาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน เชื่อเหลือเกินว่า ชาว GroundControl เลือดเขียวเวอร์ริเดียนหลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินเรื่องเล่าชวนขนหัวลุกเหล่านี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ถ้าจะให้เลือกสักเหตุการณ์ที่น่าพิศวง แถมยังมีหลักฐานยืนยันประกอบเรื่องเล่าก็เห็นจะเป็นระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่องดังจากปี 2531 อย่าง กลิ่นสีและกาวแป้ง ที่ เปี๊ยก โปสเตอร์ นำบทประพันธ์ของพิษณุ ศุภนิมิตรมาดัดแปลงใหม่ในรูปแบบหนัง โดยได้ ติ๊ก กลิ่นสี และ ซูโม่กิ๊ก มาร่วมแสดงนำจนโด่งดังนั่นเอง 

ซึ่งเหตุการณ์ที่น่าพิศวงที่ว่าก็คือการถ่ายติดบุคลปริศนาในฉากสุดท้ายของหนังที่ไปถ่ายทำกันที่บริเวณลานศิลป์ พีระศรี โดยที่ทั้งนักแสดงและนักแสดงงาน (และแม้แต่บุคคลากรของมหาวิทยาลัย) ต่างก์ไม่เคยพบเห็นชายผู้นี้มาก่อน ทั้งก่อนและระหว่างถ่ายทำ เรียกได้ว่า พวกเขาเพิ่งมาเห็นก็ในขั้นตอนการตัดต่อแล้วนั่นเอง ที่พีคยิ่งไปกว่านั้น คือการที่หลาย ๆ คนสังเกตว่า ชายคนดังกล่าวมีลักษณะหน้าผากกว้าง ฟันหลอ ตรงกับลักษณะของโครงกระดูกที่นักศึกษาศิลปะในมหาวิทยาลัยใช้ศึกษาร่างกายมนุษย์ยังไงยังงั้น เห้ย! ม้นจะบังเอิญไปไหม?

อ้างอิง:
https://news.artnet.com/art-world/haunted-museums-1919361
https://www.mentalfloss.com/article/70356/10-supposedly-haunted-museums
https://www.cowlingandwilcox.com/blog/post/25-stories-behind-the-most-haunted-paintings
https://www.msamlin.com/en/chart-hub/english/Ghost_at_museum.html
https://www.cleveland19.com/story/33500679/cleveland-museum-of-art-ghosts/
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_haunted_paintings
https://www.blockdit.com/posts/5ea004f39c7fd00ccce32496