ตอนที่ได้ยินข่าวว่าเกม Minecraft จะถูกนำมาสร้างเป็นหนัง รีแอคชันแรก ๆ ของชาวเน็ตและเหล่าเกมเมอร์ในตอนนั้นต่างก็คาดการณ์กันไว้หลายแบบ ตั้งแต่คาดหวังมาก ๆ ไปจนถึงการเม้ามันส์ว่าเจ๊งแน่ ซึ่งในขณะที่เรากำลังเขียนบทความนี้ ภาพยนตร์เรื่อง Minecraft ก็ได้เข้าฉายแล้ว พร้อมกวาดรายได้ในช่วงเปิดตัวไปได้มากถึง 301 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก (ประมาณ 10,000 ล้านบาท) ขึ้นแท่นกลายเป็นหนังจากเกมที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดไปเป็นที่เรียบร้อย
ในแง่ของการวิจารณ์ หากอ้างอิงคะแนนจากในเว็บมะเขือเน่า ภาพยนตร์เรื่อง Minecraft ยังถือว่ายังทำได้ไม่ดีนัก แต่พอตัดภาพมาที่คอมเมนต์ของเหล่าคอเกมตัวจริงที่เล่นเกมนี้ คอมเมนต์ของพวกเขากลับเป็นไปในในแง่บวกมากกว่า พร้อมชื่นชมหนังว่าเคารพเกมต้นฉบับมาก ๆ ทั้งระบบการคราฟต์ของที่เหมือนในเกม ระบบการต่อสู้และทำลายข้าวของก็เหมือน รวมไปถึงการใช้ภาพแบบเหลี่ยม ๆ ที่ได้เรฟมาจากพิกเซล 8-bit ของเกมด้วย ดังนั้น เมื่อคนสร้างทำหนังเอาใจแฟนเกมแบบนี้ จึงไม่แปลกที่แฟนเกมจะตามไปดูกันเต็มที่จดยอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากได้เห็นผลตอบรับแบบนี้ เราเลยอยากชวนทุกคนมาพูดคุยกันถึงเรื่องของ Minecraft ผ่านการย้อนกลับไปสำรวจจุดเริ่มต้นของเกมนี้ ตั้งแต่การทำความรู้จักกับแนวเกมที่เรียกว่า Sandbox เจาะลึกถึงความตั้งใจของผู้สร้าง ถอดรหัสความงามแบบ 8-bit ที่อาจจะทำให้เรามองเห็นปรัชญาบางอย่างที่ทำให้เกม Minecraft เป็นมากกว่าเกมเอาชีวิตรอด แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ทุกคนมาสร้างโลกและสร้างผลงานศิลปะในแบบฉบับของตัวเอง เหมือนกับที่เราได้เห็นภาพคนไทยสร้างวัดไทยสุดอลังการใน Minecraft กันมาก่อน

📌รู้จัก SandBox จากเด็กเล่นทรายขยายสู่แนวเกมแห่งการ ‘สร้างโลก’
แม้รายละเอียดของการเล่นเกม Minecraft จะเหมือนกับเป็นเกมแนวผจญภัยเอาชีวิตรอดที่ทุกคนต้องหาทรัพยากร สร้างบ้าน สร้างสิ่งของ สร้างอาวุธ ขุดเหมือง และต่อสู้กับสัตว์ประหลาด แต่หากจะให้นิยามจริง ๆ เกม Minecraft คือเกมที่เรียกว่า ‘Sandbox’ หรือแนวเกมที่เปิดกว้างให้ทุกคนสามารถสร้างสรรค์หรือทำอะไรก็ได้ ไม่มีเส้นเรื่องบังคับ ไม่มีเป้าหมายตายตัว ผู้เล่นสามารถเลือกได้เองว่าจะทำอะไร จะสร้าง จะสำรวจ หรือแม้แต่จะไม่ทำอะไรก็ได้ เหมือนเด็กเล่นกะบะทรายที่สร้างได้ทุกอย่างจากจินตนาการ โดยเกมแนวนี้จะมีจุดเด่นอยู่ที่การให้อิสรภาพแก่ผู้เล่น

📌จุดเริ่มต้นของ Minecraft เกมแห่งประวัติศาสตร์ที่ทุกอย่างสร้างได้และไม่มีกฏตายตัว
Minecraft ถูกสร้างโดย มาร์คุส เปอร์สัน (Markus Persson) หรือ ‘Notch’ นักพัฒนาเกมชาวสวีเดน ในปี 2009 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเกม Infiniminer และ Dwarf Fortress ที่เน้นการสร้างและสำรวจโลกโดยไม่มีขีดจำกัด เกมนี้เกิดจากแนวคิดที่ว่าโลกในเกมควรเป็นพื้นที่ที่ผู้เล่นสามารถสร้างและเปลี่ยนแปลงได้ตามใจชอบ โดยไม่มีเส้นทางหรือภารกิจตายตัว เน้นการสำรวจ ความคิดสร้างสรรค์ และการเล่นร่วมกับผู้อื่นในรูปแบบ sandbox
Minecraft ถือว่าเป็นเกมที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ให้กับวงการเกมในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการออกแบบให้เกมไม่มีรูปแบบการเล่นที่ตายตัว สามารถสร้างโลกหรือสิ่งต่าง ๆ ตามความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองได้ รวมถึงการ สร้าง ‘Minecraft Community’ หรือชุมชนของผู้เล่นที่ร่วมกันสร้างสิ่งต่าง ๆ และแชร์ผลงานของตัวเองผ่านแพลตฟอร์ม YouTube และ Twitch ทำให้เกิดการเติบโตของ Minecraft YouTuber และ Minecraft streamers ที่มีผลต่อวัฒนธรรมการเล่นเกมออนไลน์ในยุคต่อมา
Minecraft ยังเป็นเกมที่ใช้โมเดล ‘early access’ หรือการเปิดให้เล่นในเวอร์ชันเบต้าก่อนเกมเสร็จสมบูรณ์ เพื่อให้ผู้เล่นได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเกมและให้คำแนะนำ ซึ่งทำให้เกมนี้มีการพัฒนาตามคำติชมของผู้เล่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ในปี 2014 บริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ก็ได้เข้าซื้อบริษัทโมแยง (Mojang) ด้วยมูลค่าสูงถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์ และเปอร์สันก็ตัดสินใจอำลาวงการเกมหลังจากนั้น โดยตำแหน่งผู้ออกแบบเกมหลักได้ถูกส่งต่อให้ เยนส์ เบอร์เกนสเตน (Jens Bergensten)
หนึ่งปีให้หลัง เปอร์สันได้ให้สัมภาษณ์กับ Forbe ที่ถามเขาว่า เขาโอเคไหมที่ทั้งชีวิตนี้เขาอาจจะไม่สามารถสร้างเกมแบบ Minecraft ได้อีก ซึ่งเขาก็ตอบว่า “แน่นอนครับ ผมเคยเครียดกับเรื่องนั้นมาก เหมือนกับว่า “เราจะสร้างอะไรต่อจากมายคราฟได้ยังไง” เพราะมันมีความคาดหวังแปลก ๆ ว่าผมต้องทำให้ได้อีกครั้ง แต่หลังจากนั้นสักพัก ผมก็เริ่มรู้ตัวว่าจริง ๆ แล้ว สิ่งที่ผมชอบคือการทดลองไอเดียใหม่ ๆ การสร้างต้นแบบเล่น ๆ แล้วผมก็เลยรู้ว่า... สำหรับผม มันไม่สำคัญหรอกว่าจะต้องทำอะไรให้ยิ่งใหญ่อีก แต่ก็ยอมรับนะว่าช่วงประมาณปีนึง ผมเครียดกับเรื่องนั้นจริง ๆ”

📌สุนทรียะและความงามแบบ 8-bit ใน Minecraft ที่ทำให้ผู้เล่นสร้างศิลปะ Pixel Art แบบเฉพาะตัว
Minecraft ไม่ใช่เกม 8-bit เพราะเกม 8-bit คือวิดีโอเกมที่ถูกพัฒนาขึ้นในยุค 1970 - 1990 เพื่อให้เล่นบนเครื่องเล่นเกมรุ่นแรก ๆ อย่าง Nintendo Entertainment System (NES) หรือ Famicom ได้ เพราะในยุคนั้นเครื่องเล่นเกมยังมีข้อจำกัดด้านหน่วยความจำ กราฟิก และเสียง ทำให้ภาพในเกมถูกออกแบบมาให้เรียบง่ายที่สุด ใช้สีไม่กี่สี และแสดงผลด้วยพิกเซลขนาดใหญ่ที่มองเห็นเป็น ‘เหลี่ยม’ ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม แม้ Minecraft จะไม่ใช่เกม 8-bit แต่เราก็รู้สึกได้ว่าเกมนี้ได้นำสุนทรียะจากเกมยุคแรก ๆ มาใช้อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งรูปทรงสี่เหลี่ยม พิกเซลแตก ๆ ไปจนถึงสีสันที่ไม่เน้นความสมจริง ทั้งหมดนี้ทำให้ Minecraft ดูเป็นเกมที่เรียบง่ายและเปิดกว้างให้ผู้เล่นสร้างทุกอย่างขึ้นเองได้ในระดับจุดสีพิกเซล หรือถ้าจะเทียบในเชิงศิลปะ ก็เหมือนกับว่าผู้เล่นทุกคนกำลังลงมือทำ ‘Pixel Art’ กันอยู่แบบไม่รู้ตัว
Pixel Art คือศิลปะดิจิทัลที่สร้างภาพขึ้นจาก ‘พิกเซล’ เป็นหน่วยพื้นฐาน โดยศิลปินจะจัดวางพิกเซลแต่ละจุดด้วยความตั้งใจ เพื่อสร้างภาพที่สื่อความหมายได้อย่างแม่นยำ แม้จะอยู่ในพื้นที่จำกัด พิกเซลอาร์ตเริ่มต้นจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีในยุค 1970 สมัยที่เครื่องคอมพิวเตอร์และเกมคอนโซลยังเพิ่งเริ่มต้น
ดังนั้น หนึ่งในความสนุกของการเล่นและดู Minecraft คือการเห็นผู้เล่นสร้างสิ่งต่าง ๆ ในอาณาเขตของตัวเอง หรืออย่างของฝั่งไทยเราเองก็เคยมีไวรัลของ ‘เบสท์’ เด็กอายุ 17 ที่ไลฟ์สตรีมมิ่งสร้างวัดวาอารามต่าง ๆ ในเกม Minecraft จนโด่งดังช่วงปี 2020 นั่นเอง

📌เมื่ออิสรภาพในการสร้างโลกภายในเกม ชวนย้อนคิดถึงหลักปรัชญา ‘Compatibilism’
หัวข้อนี้คงเรียกว่าไม่เกี่ยวข้องกับเกมโดยตรง แต่เป็นสิ่งที่เรานึกขึ้นได้ตอนที่ลองเล่นและเขียนถึงเกมนี้แล้วอยากชวนทุกคนมาสำรวจด้วยกันต่อ นั่นก็คือเรื่องของ ‘Free will’ หรือ ‘เจตจำนงเสรี’ ที่ว่าด้วยแนวคิดเรื่องความมีเสรีภาพในการตัดสินใจของมนุษย์ กับเรื่อง ‘Determinism’ หรือ ‘การกำหนดล่วงหน้า’ ที่เชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุและผลที่แน่นอน จึงไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญหรือไร้สาเหตุ
อย่างที่รู้กัน ในเกม Minecraft เราสามารถเลือกทำอะไรก็ได้ จะสร้างบ้านบนหน้าผา ขุดเหมืองลึกลงไปใต้ดิน หรือเดินสำรวจโลกแบบไร้เป้าหมายก็ยังได้ ทุกอย่างดูเหมือนอยู่ในการตัดสินใจของผู้เล่นอย่างเราทั้งหมด แต่เมื่อมองลึกลงไปเรากลับพบว่า จริง ๆ แล้ว ‘อิสรภาพ’ เหล่านั้นยังมีกรอบ มีโค้ด และมีระบบที่มองไม่เห็นจากนักพัฒนาเกมคอยควบคุมอยู่ตลอด ดังนั้น การที่เราคิดว่าเราอยากสร้างเอง อยากเอาสิ่งนั้นมาผสมสิ่งนี้เอง จริง ๆ แล้วไม่ได้มาจากความต้องการของเราเองทั้งหมด แต่เป็นเพราะระบบถูกออกแบบมาแบบนั้น
ในมุมนี้ Minecraft เลยเป็นภาพสะท้อนที่ดีของแนวคิด ‘Compatibilism’ หรือ แนวคิดที่เชื่อว่าเสรีภาพในการตัดสินใจ (Free Will) และการกำหนดล่วงหน้า (Determinism) สามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่ขัดแย้งกัน แม้ทุกอย่างในชีวิตอาจมีสาเหตุที่ชัดเจนและถูกกำหนดโดยเหตุการณ์ก่อนหน้า แต่เรายังสามารถมีเสรีภาพในการเลือกได้ภายในขอบเขตที่จำกัด เช่น ถ้าคุณเลือกทานอาหารตามร้านโปรด แม้คุณจะรู้สึกว่าคุณเลือกเสรี แต่การเลือกนั้นอาจจะถูกจำกัดด้วยปัจจัยอย่างงบประมาณหรือเวลาที่มี ทำให้การเลือกของคุณยังคงถูกกำหนดโดยเงื่อนไขเหล่านี้ แต่คุณยังสามารถเลือกได้ภายในกรอบที่มีอยู่
ก็เหมือนกับการเล่นเกมนี้ ที่ระบบถูกออกแบบมาให้เราต้องเอาชีวิตรอด หาอาหาร เลี้ยงตัวเอง ต่อสู้กับศัตรู แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้ยึดตามระบบทั้งหมดและหันมาสร้างงานศิลปะ สร้างวัด หรือสร้างอะไรก็ตามที่ตัวเองชอบไปเรื่อย ๆ และทำให้เราเห็นว่า แม้จะมีระบบเกมคอยควบคุม แต่เราก็ยังมีพื้นที่เล็ก ๆ ให้เลือกเป็น ‘ตัวเรา’ ได้อย่างอิสระเสมอ และนี่คงเป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้เกม Minecraft เป็นเกม Sandbox ที่มีเสน่ห์ในตัวเองและยากจะหาเกมไหนเหมือนก็เป็นได้
อ้างอิง
Heaney, S. (2023, April 16). The history and evolution of Minecraft - IGN. IGN. https://www.ign.com/articles/the-history-and-evolution-of-minecraft
Gamedeveloper.com. (2023). The history and theory of sandbox gameplay. https://www.gamedeveloper.com/design/the-history-and-theory-of-sandbox-gameplay
Pacheco, C. (2012, June 14). The evolution of the 8-bit culture. https://www.carlospache.co/the-evolution-of-the-8-bit-culture/
Mac, R. (2015, March 3). Minecraft’s Markus Persson tells all on his sale to Microsoft, his $70 million home and what’s next. Forbes. https://www.forbes.com/sites/ryanmac/2015/03/03/minecraft-markus-persson-notch-interview-microsoft-sale/
Stuart, K. (2019, May 19). Minecraft at 10: A decade of building things and changing lives. The Guardian. https://www.theguardian.com/games/2019/may/18/minecraft-at-10-building-things-and-changing-lives#:~:text=Minecraft%20changed%20the%20whole%20structure,you%20are%20free%20to%20explore
Kordic, A. (2025, March 24). What is pixel art and how did it come back to life? Artsper Magazine. https://blog.artsper.com/en/a-closer-look/art-movements-en/pixel-art/
Encyclopedia Britannica. (1998, July 20). Free will | Definition, determinism, & facts. https://www.britannica.com/topic/free-will
Encyclopedia Britannica. (1998, July 20). Determinism | Definition, philosophers, & facts. https://www.britannica.com/topic/determinism
Singer, P., & Eddon, M. (2009, August 18). Free will and moral responsibility | Definition, theories, & facts. Encyclopedia Britannica. https://www.britannica.com/topic/free-will-and-moral-responsibility/Compatibilism