ในบรรดาแม่สีทั้ง 3 สีน้ำเงินเป็นสีที่มนุษย์สร้างขึ้นเองไม่ได้ ส่วนสีแดงก็เป็นหนึ่งในสีที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ศิลปะของมนุษย์เช่นเดียวกับสีเหลือง
ดั้งเดิมแล้ว สีแดงมีความหมายถึงเลือดและไฟที่จะมีนัยยะในเชิงบวกหรือลบก็ได้ สีแดงจึงมีหลายความหมายตามแต่ละวัฒนธรรมและช่วงเวลา ทั้งการเป็นสัญลักษณ์ของความสุข ความโชคดี และความอุดมสมบูรณ์ที่เรามักจะเห็นกันในแถบเอเชียอย่างอินเดียและจีน แต่หากข้ามฝั่งฟ้าไปยังแถบตะวันตกของโลก สีแดงค่อนข้างสัมพันธ์กับขุนนาง คณะสงฆ์ คริสตจักร รวมถึงสงครามด้วย
นอกจากสีแดงแรงฤทธิ์จะดูเผ็ดจี๊ดถึงใจในฉบับไทย ๆ GroundControl อยากพาทุกคนติดเครื่องยนต์ มุ่งสู่จักรวาลแห่งสีในประวัติศาสตร์ศิลปะของมนุษย์เราไปพร้อม ๆ กัน
Red Ochre
ถ้าย้อนกลับไปอ่านประวัติศาสตร์ของสีเหลืองในงานศิลปะที่เราเคยเล่า สีเหลืองชนิดแรกที่เกิดขึ้นคือ Yellow Ochre ที่ทำจากดินเหนียวที่หาได้ตามธรรมชาติ เช่นเดียวกัน สีแดงก็เกิดขึ้นจากดินเหนียวก้อนนั้น แต่เป็นดินเหนียวที่ประกอบด้วยแร่เฮมาไทต์ (คล้าย ๆ ฮีโมโกลบินที่แปลว่าเม็ดเลือดแดงนั่นเอง)
![<p>Red Ochre</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/037cfeae414e66d6223e71eba315222c.webp)
Red Ochre
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/f12a2caef7beb589f1318f69dcde106c.jpg)
เรามักจะเห็นมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ใช้สีแดงเหล่านี้วาดภาพในถ้ำเคียงข้างกับสีเหลืองเก่าแก่ เช่น วัวกระทิงในผนังถ้ำของอัลตามิราในสเปนที่มีอายุระหว่าง 20,000 ถึง 14,000 ปีก่อนคริสตกาล ขณะที่ฟากฝั่งตะวันออกอย่างจีนโบราณ เครื่องปั้นดินเผาสีดำและสีแดงในยุคแรกที่มีอายุระหว่าง 5,000 ถึง 3,000 ปีก่อนคริสตกาลก็เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/74816985ba816b6f995e8076f0969c5f.jpg)
ส่วนอียิปต์เมืองพีระมิดนั้น สีแดงอาจมีความหมายได้ตั้งแต่สุขภาพ ความมีชีวิตชีวา ความโกรธ ความชนะ และความรุนแรง เพราะขณะที่สีแดงมักถูกใช้เป็นบรัชออนและลิปสติกของแม่หญิง เวลามีงานฉลองในพื้นที่ ผู้คนก็จะทาตัวด้วยสีแดง สีแดงก็ยังถูกใช้พรรณาเทพเจ้า Seth ผู้ได้รับชัยชนะเหนือ Apep แต่สังหาร Osiris น้องชายของเขา
![<p>Pierre-Auguste Renoir, Woman Tying Her Shoe, 1918</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/a1dff9f1edbc3f7a7a0c59f7cb995e71.webp)
Pierre-Auguste Renoir, Woman Tying Her Shoe, 1918
![<p>Edvard Munch, The Scream, 1893</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/fabf65ec3fadc1282978ef19c581790b.webp)
Edvard Munch, The Scream, 1893
![<p style="margin-left:0px;">Edgar Degas, Combing the Hair, 1896</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/e1010e74bfc34918fd9fd2c3b011a096.webp)
Edgar Degas, Combing the Hair, 1896
แต่ถึงอย่างนั้น Red Ochre ก็ไม่ได้อยู่แค่ในยุคโบราณ เพราะจิตรกรรมฝาผนังในยุคกลางและเรอเนสซองส์ซึ่งวาดโดย Giorgio Vasari บนผนังห้องโถงในฟลอเรนซ์ก็ใช้สีแดงเฉดนี้ หรืออย่างในงานของศิลปินดังที่เราคุ้นเคยอย่าง Renoir หรือ Vermeer ก็ปรากฏสีเฉดโบราณนี้ด้วย
Madder Lake
นี่คือสีแดงจากรากต้นแมดเดอร์ซึ่งเป็นสีแดงจากธรรมชาติที่เสถียรที่สุดชนิดหนึ่ง แต่เดิมเริ่มใช้โดยชาวอียิปต์โบราณเพื่อระบายสีเสื้อผ้าและยังมีการใช้ต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
ในช่วงศตวรรษที่ 13 ชาวยุโรปปลูกแมดเดอร์จำนวนมากแต่กลับไม่มีหลักฐานว่าศิลปินในยุคกลางหรือยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาใช้สีแดงชนิดนี้ กระทั่งศตวรรษที่ 18 และ 19 ศิลปินก็หันมาใช้แดงธรรมชาตินี้อย่างแพร่หลาย (ถึงจะไม่เท่าแดง Carmine ก็เถอะ)
ผลงานที่เห็นชัด ๆ คือผลงานภาพวาดของ Vermeer ที่มักใช้สีแดงเฉดนี้เคลือบทับสีอื่น ๆ อีกที หรือใช้สีแดงเฉดนี้แต่งแต้มหน้าตาของแบบ
![<p>Madder Lake</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/7ea093a73daecf51a14781a2fa4e5cc7.webp)
Madder Lake
![<p>Johannes Vermeer, Christ in the House of Martha and Mary, 1654-55</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/2652fc9fc98010481bbc766f80f911db.jpeg)
Johannes Vermeer, Christ in the House of Martha and Mary, 1654-55
![<p style="margin-left:0px;">Johannes Vermeer, Girl With the Red Hat, 1665–66</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/61e9715970be72f6847dac22e247e25b.webp)
Johannes Vermeer, Girl With the Red Hat, 1665–66
Carmine
สีแดงเลือดนกที่เห็นในภาพเหล่านี้เป็นสีที่ทำจากแมลงโคชินีลที่เกาะอยู่ตามเหล่าแคคตัสในแถบอเมริกาใต้และเม็กซิโก ตัวของพวกมันมีสีขาวแต่เมื่อแห้งและถูกบดละเอียด มันจะกลายเป็นสีแดงงดงาม ส่วนใหญ่ศิลปินจะเลือกใช้เพื่อสื่อความหมายถึงงความมั่งคั่ง
![<p>Carmine</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/98dce1d2e05452bc58e6c7bfd3d3ddcc.webp)
Carmine
![<p>Anthony van Dyck, Portrait of Agostino Pallavicini, 1621</p><p> </p><p> </p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/4c856d5ed82475436b6d98636e0fe866.webp)
Anthony van Dyck, Portrait of Agostino Pallavicini, 1621
![<p>Titian, La Schiavona, 1510-12</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/a81115a2b18404312dd5abd9b3158fa8.webp)
Titian, La Schiavona, 1510-12
สีแดงเลือดนกเข้ามาในยุโรปช่วงต้นศตวรรษที่ 16 เป็นไปตามคาด ความงดงามของสีแดงเฉดนี้ทำให้จิตรกรหลายคนในศตวรรษที่ 15 และ 16 เกือบทั้งหมดเลือกใช้ ทั้ง Rembrandt, Vermeer และ Velázquez ที่ใช้สีแดงเลือดนกเพื่อให้ได้เฉดสีแดงที่เข้มข้น แถมศิลปินในยุคต่อมาอย่าง J.M.W. Turner และ Thomas Gainsborough ก็ยังนิยมผสมสีแดงเลือดนกในผลงานด้วย แต่เพราะความที่สีแดงจากแมลงชนิดนี้นั้นไวต่อแสงจนสามารถเปลี่ยนสีได้ ศิลปินจึงต้องใช้ด้วยความระวังสุด ๆ
Red Lead
สีแดงตะกั่วเป็นสีที่มีพิษสูง (อีกแล้ว) คาดว่าน่าจะผลิตขึ้นโดยชาวจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นโดยถือว่าเป็นหนึ่งในสีสังเคราะห์ชนิดแรกๆ เพราะทำขึ้นจากผงตะกั่วขาวคั่วที่ยิ่งคั่วนานเท่าไร ก็ยิ่งมีสีแดงอมส้มมากขึ้นเท่านั้น
![<p>Red Lead</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/dae584c5012b9165ef8d3592cb1ff9dd.webp)
Red Lead
![<p>Vincent van Gogh, The Night Cafe, 1888</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/c3c403f8fec1c9f72bba832adbec9516.jpg)
Vincent van Gogh, The Night Cafe, 1888
![<p>Vincent van Gogh, Bedroom in Arles, 1888</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/23360810e9122317bc17831cf3547f32.webp)
Vincent van Gogh, Bedroom in Arles, 1888
ความที่เม็ดสีจากตะกั่วนี้ราคาถูกกว่าชาด ในภาพวาดสมัยยุคกลาง รวมถึงภาพวาดของชาวเปอร์เซียและอินเดียในศตวรรษที่ 17 และ 18 จึงปรากฏสีชนิดนี้จำนวนมาก แต่บุคคลที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Vincent van Gogh เพราะขุ่นพ่อสุดติสต์คนนี้รักแดงตะกั่วสุด ๆ แต่เพราะสีแดงประเภทนี้จะจางลงเมื่อโดนแสง จึงไม่แปลกใจที่สีแดงในภาพวาดสุดปังของ Van Gogh จะซีดจางไป
Vermilion
Vermilion เป็นชาดสังเคราะห์จากแร่ Cinnabar ซึ่งคาดว่าชาวจีนเป็นชาติแรกที่คิดทำขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาลอีกนะ จนสี vermillion มีอีกชื่อหนึ่งว่าจีนแดงซึ่งมีความหมายถึงชีวิตและความโชคดี เราจึงมักเห็นสีแดงเฉดนี้ในวัดวาอารามของจีน สีแดงสำหรับแสตมป์ชื่อ และสีแดงที่สงวนไว้สำหรับจักรพรรดิ
![<p>Vermilion</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/d2a6a60e9241a73f52c8b2c7cd4b7ee9.webp)
Vermilion
![<p>Sandro Botticelli, Mystic Nativity, 1500</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/4deaf848d88ed02a84c0e830f1e15218.jpg)
Sandro Botticelli, Mystic Nativity, 1500
![<p>Peter Paul Rubens, Descent from the Cross, 1612-14</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/a4433a2bc6db4b551d8604c9fef60902.jpg)
Peter Paul Rubens, Descent from the Cross, 1612-14
ชาดสังเคราะห์นี้เข้าสู่ยุโรปโดยนักเล่นแร่แปรธาตุชาวอาหรับ ในยุคกลาง สีสังเคราะห์นี้แพงพอ ๆ กับทองคำเปลว ศิลปินจึงมักใช้สีชั้สูงนี้ในส่วนที่สำคัญที่สุดของภาพเท่านั้น เช่น คนศักดิ์สิทธิ์และวัตถุศักดิ์สิทธิ์ ส่วนตะกั่วสีแดงที่ถูกกว่ามักใช้เขียนตัวอักษรแทน
![<p><span style="background-color:transparent;color:#000000;"> Rembrandt, Belshazzar’s Feast, 1635-38</span></p><p><br> </p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/ac63213567dcd2b8fce677178eee9dfe.jpg)
Rembrandt, Belshazzar’s Feast, 1635-38
![<p>Claude Monet, Bathers at la Grenouillère, 1869</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/8e9d7e1497172b5ebba9437b01c59ae9.jpeg)
Claude Monet, Bathers at la Grenouillère, 1869
ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา จิตรกรมักจะที่ใช้สีแดงนี้ในหลายผลงาน ในผลงานของศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์อย่างโมเนต์ก็ยังปรากฏการใช้สีแดงชนิดนี้ด้วย
แต่นอกจากข้อเสียเรื่องความเป็นพิษแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป vermillion ก็มักจะเปลี่ยนสีจนกลายเป็นสีน้ำตาลอมม่วงเข้มด้วย กระทั่งเมื่อผู้คนเริ่มตระหนักถึงความเป็นพิษและราคาค่าตัวของสีแดงเฉดนี้มากขึ้น ศิลปินก็เริ่มหันไปใช้สีแดงแคดเมียมที่เพิ่งเกิดใหม่กัน
Cadmium Red
ถ้า Van Gogh เป็นแฟนตัวยงของสีแดงตะกั่ว สีแดงแคดเมียม สิ่งประดิษฐ์ในศตควรรษที่ 19 เพื่อศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์และเป็นที่นิยมในศควรรษที่ 20 ก็คงเป็นรักแท้ตลอดกาลของ Henri Matisse ด้วย
แรกเริ่มแคดเมียมถูกนำมาใช้ทำเป็นสีเหลือง ต่อมาเมื่อนำมาผสมกับซิลิกาและให้ความร้อนก็ได้เป็นแดงแคมเมียมที่มีเม็ดสีสดใสและคงทนมากกว่าแดงตะกั่วที่ Van Gogh หลงใหล ผลงานของ Matisse จึงยังคงเต็มไปด้วยความสดใสได้จนทุกวันนี้
ไม่แน่ใจว่าเพราะความปังของสีแดงแคดเมียมหรือเพราะอะไร Matisse ถึงขนาดพยายามโน้มน้าวให้ Renoir ใช้สีแดงแคดเมียมตามเขา แต่ Renoir ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปใช้สีแดงเฉดนี้ตามเพื่อนสนิท เพราะการวาดภาพแบบ en plein air นั้นเน้นความเร็วเป็นพิเศษ การใช้สีแดงแบบดั้งเดิมจึงทำให้เห็นสีที่ผสมผสานกันได้รวดเร็วกว่า
![<p>Cadmium Red</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/92ef99626bbd26114c4978cf8e547881.webp)
Cadmium Red
![<p>Henri Matisse, Interior with Black Fern, 1948</p><p> </p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/ab0e44a9316c55ebd9cbba2f87bb9ff3.jpg)
Henri Matisse, Interior with Black Fern, 1948
![<p style="margin-left:0px;">Henri Matisse, The Red Studio, 1911</p>](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/ea973934150115ac0079b5579ca0419c.jpg)
Henri Matisse, The Red Studio, 1911
เราจะเห็นว่าตลอดเส้นทางของประวัติศาสตร์ สีแดงเป็นสีที่มีทั้งความหมายในแง่บวกและลบ ในทางหนึ่งสีแดงหมายถึงความรัก แต่ขณะเดียวกันก็หมายถึงสงคราม ในทางหนึ่งสีแดงคือสีแห่งสวรรค์และผู้สูงศักดิ์ แต่อีกแง่หนึ่งมันก็กลับเป็นสีของตัวร้าย ยังไม่นับรวมว่าแต่ละวัฒนธรรมตามแต่ละซีกโลกนั้นให้ความหมายกับสีแดงแตกต่างกันไปตามความเชื่ออีก
.
แต่ไม่ว่าจะในความหมายใด จุดร่วมเดียวกันคือสีแดงคือสีที่สื่อสารได้ถึงชีวิต
อ้างอิง :
mymodernmet
artsy
eclecticlight
colourlex