จากศิลปินกราฟฟิตี้ สู่ตัวพ่อสตรีทอาร์ต สรุปความเป็น KAWS ใน 3 ข้อ ก่อนไปชอป UT x KAWS 8 ก.ย. นี้!

Post on 7 September

ต่อให้ไม่ใช่สายสตรีทหรือนักสะสมอาร์ตทอยตัวยง แต่เราก็เชื่อว่า ชื่อของ KAWS ต้องเคยผ่านหูผ่านตาทุกคนอย่างแน่นอน หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องคุ้นตากับคาแรกเตอร์ประจำตัวของเขา ที่มักไปปรากฏอยู่บนไอเทมแฟชั่น ตามโฆษณาต่าง ๆ หรือการเป็นของสะสมของเซเลบคนดัง

แล้ว KAWS คือใคร? เพราะอะไรถึงดัง? ทำไมกันนะ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร หรือสร้างคาแรกเตอร์ตัวไหนออกมา ก็สามารถเข้ามาจับจองที่นั่งในหัวใจของใครหลายคน จนขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปินมือทอง ที่ไม่ว่าจะหยิบจับงานไหนหรือร่วมมือกับแบรนด์อะไร ก็มีแต่ความปัง!

ใครที่กำลังสงสัยในเบื้องหลังความเป็นมาและความสำเร็จของ KAWS หรืออยากเข้าใจถึงความลับตัวพ่อที่ผลักดันให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินระดับท็อปที่ใคร ๆ ก็พากันไฮป์ในปัจจุบัน วันนี้ GroundControl ก็ได้สรุป 3 ประเด็นความเป็น KAWS มาให้ทุกคนได้ลองทำความรู้จัก พร้อมร่วมหาคำตอบไปด้วยกันว่า เพราะอะไรกันนะเขาถึงดังได้ขนาดนี้ ส่วนจะมีประเด็นอะไรบ้างก็ตามมาดูกันได้เลย!

และถ้าใครอ่านจบแล้ว อยากครอบครองผลงานของตัวพ่อป็อปอาร์ตที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ ก็สามารถพุ่งตัวไปสอย UT x Kaws คอลเลกชันเสื้อยืดลาย Companion จาก Uniqlo ที่จะวางขายในวันที่ 8 กันยายนนี้ที่ Uniqlo ทุกสาขา! หรือวอร์มนิ้วรอชอปที่หน้าออนไลน์สโตร์ได้ที่ https://s.uniqlo.com/ut-kaws_groundcontrol_fb”

‘KAWS’ อดีตแอนิเมเตอร์ผู้กลายเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการสตรีทอาร์ตและอาร์ตทอย

รู้หรือไม่ว่ากว่า ‘KAWS’ จะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าพ่อวงการสตรีทแฟชั่นและอาร์ตทอยอย่างทุกวันนี้ เขามีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็นนักวาดฉากหลังให้กับการ์ตูนเรื่องดังอย่าง 101 Dalmatians และ Daria and Doug มาก่อน!

‘KAWS’ หรือ ‘ไบรอัน ดอนเนลลี’ คือศิลปินชาวอเมริกันผู้เกิดและเติบโตในเมืองนิวเจอร์ซีย์ เขาเป็นคนที่มีความสนใจในศิลปะมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะตอนอายุ 12 ปี เขาก็เริ่มออกตระเวนสร้างงานสตรีทอาร์ทตามพื้นที่ต่าง ๆ ภายในเมืองด้วยการพ่น ‘Tag’ หรือนามแฝงประจำตัวอย่าง ‘KAWS’ ลงบนกำแพงต่าง ๆ ร่วมกับแก๊งสเก็ตคนอื่น ๆ แล้ว ซึ่งที่มาของชื่อ ‘KAWS’ ก็เกิดมาจากความชอบส่วนตัวของศิลปินเอง ที่มองว่าเมื่อตัวอักษรเหล่านี้มาเรียงตัวรวมกันแล้วดูสวยงามดี

เมื่อเขาโตขึ้นจนเข้าสู่วัยเรียนมหาวิทยาลัย KAWS ก็ตัดสินใจเข้ามาเรียนศิลปะแบบเต็มตัวในเมืองนิวยอร์ก โดยหลังจากเรียนจบ เขาก็ได้เริ่มเส้นทางการเป็นศิลปินด้วยการทำงานเป็นแอนิเมเตอร์ ผู้วาดฉากหลังให้กับการ์ตูนเรื่องดังหลายเรื่อง พร้อมกับทำงานกราฟฟิตี้อาร์ตที่เขารักในตอนกลางคืนควบคู่ไปด้วย โดยเหตุผลที่เขารักการทำงานกราฟฟิตี้ขนาดนี้ ก็เพราะว่าเขาไม่อยากให้งานศิลปะอยู่เพียงในแกลเลอรี และมองว่าศิลปะที่ดีจะต้องเชื่อมโยงถึงผู้คนได้ง่ายเข้าไว้

นับจากนั้น KAWS ก็เริ่มสร้างงานกราฟฟิตี้ด้วยการพ่น Tag ประจำตัว และวาดคาแรกเตอร์ที่เขาออกแบบขึ้นเองไปบอมบ์ตามจุดต่าง ๆ ทั่วเมือง จนกลายเป็นที่จดจำของผู้คนทั่วไป และหลังจากที่เริ่มโด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็ตัดสินใจพาเหล่าคาแรกเตอร์ตัวโปรดออกมาจากโลกในกำแพง และวิ่งเล่นบนรันเวย์และแบรนด์แฟชั่นต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงมีการสร้างเป็นฟิกเกอร์ อาร์ตทอย และของสะสมอื่น ๆ อีกหลายรูปแบบ จนกลายเป็นศิลปินที่มีงานให้จับจองหลากหลายราคาและเข้าถึงแฟนคลับได้ทุกกลุ่ม

เรียกได้ว่าเบื้องหลังความโด่งดังของเขา ก็เริ่มมาจากแนวคิดตั้งต้นที่อยากสร้างงานศิลปะที่เข้าถึงผู้คนได้ง่าย ผ่านการโชว์งานศิลปะตามข้างถนน ไม่ใช่ในแกลเลอรี เพราะการทำแบบนั้นสามารถทำให้เขาเชื่อมโยงกับผู้คนได้อย่างแท้จริง จนตัวตนและผลงานทั้งหมดกลายเป็นที่รู้จักและเป็นที่โปรดปรานของแฟน ๆ ทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน

เบื้องหลังความ Hype และคอลเลคชันสุด Rare ของ KAWS ที่ใคร ๆ ก็อยากครอบครอง

บนโลกใบนี้มีศิลปินกราฟฟิตี้อยู่หลายคน แต่ทำไมงานของ KAWS ถึงได้รับความสนใจจากผู้คนขนาดนี้?

เชื่อว่าหลังจากที่ทุกคนได้รู้จักกันแล้วว่า KAWS คือใครและมีความเป็นมาแบบไหน คำถามเรื่องที่มาความ ไฮป์ก็น่าจะเป็นหนึ่งในข้อสงสัยยอดฮิตที่หลายคนน่าจะอยากรู้กัน เพราะไม่ว่าเขาจะไปร่วมงานกับใคร สถานที่ไหน หรือแบรนด์ใด ก็ได้รับการตอบรับดีสุด ๆ จนขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการแฟชั่นสายสตรีทและอาร์ตทอยแบบหาตัวจับได้ยากในยุคนี้

ซึ่งคำตอบของคำถามข้อนี้ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการตลาดที่โดดเด่น ราคาที่เข้าถึงได้ทุกระดับ และความสม่ำเสมอของการสร้างงาน

ดังที่เราทราบกันว่าแนวคิดในการทำงานของ KAWS คือการทำศิลปะให้เข้าถึงผู้คนได้ง่าย ๆ เขาจึงรักและเลือกทำงานกราฟฟิตี้ข้างถนน ที่ใคร ๆ ก็สามารถมองเห็นได้ และเมื่อเขาเริ่มพาเหล่าคาแรกเตอร์สุดป่วนกระโจนเข้าสู่วงการแฟชั่น อาร์ตทอย และสินค้าอื่น ๆ เขาก็ทำแบบเดียวกัน โดยเฉพาะกับอาร์ตทอยที่เคยมีคนให้ความเห็นว่า KAWS นั้นเปรียบเสมือนกับผู้บุกเบิกวัฒนธรรมการเสพอาร์ตทอยกันเลยทีเดียว

เนื่องจากในวัยเด็ก KAWS รู้สึกว่าพิพิธภัณฑ์หรือแกลเลอรีนั้นเป็นพื้นที่ชั้นสูง เป็นสถานที่ไกลตัวที่คนอย่างเขาไม่สามารถครอบครองงานศิลปะในนั้นได้ เมื่อเขามีโอกาสได้สร้างผลงานศิลปะของตัวเอง ก็เลยตั้งใจทำเป็นฟิกเกอร์ที่ใคร ๆ ก็สามารถครอบครองได้ไม่ยาก เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนหันมาสนใจในศิลปะกันมากขึ้น ทั้งคนที่รู้จักและไม่รู้จักศิลปะมาตั้งแต่ต้น

ไม่เพียงวงการอาร์ตทอยเท่านั้น แต่ KAWS ยังแทรกซึมไปยังวงการอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งการ์ตูน แฟชั่น หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป ไม่ว่าจะแบรนด์เล็ก แบรนด์ใหญ่ ราคาถูก หรือราคาแพง KAWS ก็ไปเยือนทุกวงการอย่างทั่วถึง ส่งผลให้งานของเขามีให้เลือกจับจองตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักล้าน ให้ทุกคนเลือกซื้อได้ตามความพอใจของตน

เมื่อการตลาดของ KAWS คือการสร้างงานที่เข้าถึงคนได้ทุกระดับประสบความสำเร็จ ส่งผลให้ใคร ๆ ต่างก็รู้จักงานเขากันทั้งนั้น รวมไปถึงเหล่าเซเลบริตี้ ที่ก็เริ่มพากันสะสมงานของเขาเช่นกัน จนดันขีดความฮอตและความน่าสะสมพุ่งสูงขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นเหล่าหนุ่ม ๆ จากวง BTS อย่าง แทยอง หรือ V ที่เคยลงวิดีโอกับคอลเลกชัน KAWS Sesame Street Uniqlo Plush Toy Complete Box Set หรือนัมจุน (RM) ที่ Kaws ก็รีโพสต์นัมจุนหรืออาร์เอ็ม (RM) เป็นคอลเลกเตอร์ตัวจริง เพราะมี KAWS x Bounty Hunter 'Companion' ที่เป็นคอลเลกชันแรกด้วย มีแค่ 500 ตัวในโลก และ J-Hope ที่ไม่ใช่แค่สะสมงานของเขาเท่านั้น แต่ยังชวน Kaws มาออกแบบปกโซโล่ของตัวเองด้วย แล้วก็เคยไปนั่งเล่นที่สตูดิโอของ Kaws มาแล้ว

ยังมี ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ ที่ไม่ใช่แค่แฟนคลับธรรมดา แต่เคยร่วมงานกับ Kaws ออกน้ำหอม KAWS, Comme des Garçons, Pharrell Williams มาแล้ว รวมถึงจัสติน บีเบอร์, คิม คาร์แดเชี่ยน, ไคลีย์ เจนเนอร์ และศิลปินคนอื่น ๆ อีกหลายคนที่ต่างก็สะสมผลงานของ KAWS เอาไว้เช่นกัน

ด้วยความเข้าถึงง่าย การตลาดที่ดี มาผสมเข้ากับการสร้างงานอย่างสม่ำเสมอจนเป็นที่จดจำ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ฐานแฟนคลับของ KAWS จะเยอะขนาดนี้ รวมไปถึงราคาผลงานของเขาที่นับวันมีแต่จะสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ เกือบเท่าตัว ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราซื้อผลงานของ KAWS ในปี 2018 จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 ล้าน 4 แสนบาท แต่ถ้าซื้อในปีถัด ๆ ไป ราคาเฉลี่ยจะพุ่งไปถึง 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2 ล้าน 8 แสนบาท

ยิ่งในสนามประมูลราคายิ่งสูงมากแบบเกินคาด เช่น การประมูลในปี 2018 โดย Sotheby’s ของฮ่องกง ที่นักประเมินเคยประเมินไว้ว่ายอดสูงสุดสำหรับผลงานของ KAWS จะอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านดอลลาร์ แต่ผลที่ออกมากลับพุ่งสูงไปถึง 14.8 ล้านดอลลาร์ เท่ากับมากกว่าราคาประเมินมากถึง 15 เท่ากันเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากการประมูลจบก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างเป็นตำนานเมืองออกมาว่า คนที่ครอบครองผลงานชิ้นนี้ ก็คือจัสติน บีเบอร์นั่นเอง

สำหรับคอลเลกชันที่เป็นที่โจษจันว่าแรร์และแพงมากของ KAWS ก็คือตุ๊กตา ‘Pink ‘BFF’ Plush’ ตุ๊กตา Companion สีชมพูใส่สูท Dior ที่พอเปิดตัวปุ๊บก็กลายเป็นไอเทมที่คนดังทุกคนต้องมี แล้วคนก็แย่งกันซื้อจนมูลค่ากระโดดไปอยู่ที่ 4 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 130 ล้านบาท

ทั้งหมดนี้ก็เลยเป็นที่มาความไฮป์ความแรร์ที่ผลักดันให้ผลงานของ KAWS กลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ของวงการได้แบบติดลมบนกันอย่างที่เราเห็นกัน

โปรเจกต์ KAWS Holiday ที่ทำให้เจ้า ‘Companion’ มีแต่คนหลงรัก

ถ้าจะพูดถึงคาแรกเตอร์ของ KAWS เราก็มักจะนึกถึงคาแรกเตอร์ที่มีใบหน้าเป็นหัวกะโหลกและดวงตารูปกากบาท แต่รู้หรือไม่ว่าแต่ละตัวเขามีชื่อเรียกแตกต่างกันด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นเจ้า ‘Skully’ คาแรกเตอร์ที่มีลักษณะเป็นหัวกะโหลกที่มีทรงผมเป็นกระดูกไขว้, เจ้า ‘Bendy’ ที่มีรูปร่างเรียวยาวคล้ายงูตัวเล็ก ๆ, เจ้า ‘Chum’ ที่มีลำตัวเป็นปล้อง ๆ คล้ายมาสคอตของยางรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง และตัวที่ฮอตฮิตติดตลาดมากที่สุดก็คือเจ้า ‘Companion’ ที่มีลำตัวคล้ายมิกกี้เมาส์ เพราะเป็นคาแรกเตอร์หลักขาประจำของ KAWS นั่นเอง

ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่ใคร ๆ ต่างก็ตกหลุมรักเจ้า Companion เป็นพิเศษ ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับโปรเจกต์ ‘KAWS Holiday’ เลย โดยโปรเจกต์นี้เป็นโปรเจกต์ที่ KAWS เขาร่วมมือกับสตูดิโอจากฮ่องกงอย่าง AllRightsReserved เพื่อเปลี่ยนเจ้า Companion บนกำแพงให้กลายเป็น Public Art ขนาดใหญ่ แล้วนำไปติดตั้งตามสถานที่ชื่อดังต่าง ๆ ทั่วโลก ในรูปของ Balloon Sculpture ขนาดยักษ์ ไม่ว่าจะเป็นที่อังกฤษ เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง หรือแม้กระทั่งในอวกาศ!

ล่าสุด ‘KAWS Holiday’ ก็ได้ไปปักหมุดที่ ‘ปรัมบานัน’ เทวสถานฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย ที่มีอายุกว่าพันปี สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่พระตรีมูรติ และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกกับยูเนสโกด้วย โดยความน่าสนใจอีกอย่างของการมาเยือนอินโดนีเซียครั้งนี้ คือ KAWS เขาได้นำอีกหนึ่งคาแรกเตอร์ของตัวเองอย่าง ‘Accomplice’ ที่มีจุดเด่นคือหูกระต่ายมาแทนที่เจ้า Companion และครั้งนี้ยังถือว่าเป็นตัวที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ KAWS เคยทำมา โดยมีความยาวถึง 45 เมตรเลยทีเดียว

ดูจาก Kaws Holiday ที่เขาพาคาแรกเตอร์ลูกรักของตัวเองวาร์ปไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ก็น่าลุ้นว่าในอนาคต KAWS เขาจะพาเจ้า Companion หรือ คาแรกเตอร์อื่น ๆ มาเยือนเมืองไทยในบ้างไหม

แต่ถ้าใครอยากสัมผัสกับเจ้า Companion ตัวจริง แถมพาน้องเขากลับบ้านได้ด้วย ก็สามารถพุ่งตัวไปที่ Uniqlo กันในวันที่ 8 กันยายนนี้ได้เลย! เพราะ KAWS พาเจ้าคาแรกเตอร์ Companion กลับมาร่วมคอลแลบฯ กับ Uniqlo อีกครั้ง จนกลายเป็นเสื้อยืด UT Collection สุดเท่ เป็นงานศิลปะที่ไม่ว่าใครก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ ลองไปส่องลายเสื้อกันได้ที่ https://s.uniqlo.com/ut-kaws_groundcontrol_fb

RELATED POSTS