![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/2dd279a811752b02192e84c5a5e9c851.jpg)
(บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมมือระหว่าง GroundControl และพันธมิตรสื่อทางศิลปะ Protocinema ผู้เผยแพร่สื่อดิจิทัลด้านศิลปะรายเดือน เพื่อนำเสนอมุมมของของศิลปินที่มีต่อสังคมร่วมสมัย การเมือง วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ โดยดำเนินการผ่าน Protodispatch ผู้เป็นตัวกลางเผยแพร่ข่าวประจำเดือนให้แก่พันธมิตรในเครือ โดย GroundControl ได้รับเกียรติให้เป็นพันธมิตรสื่อเพื่อเผยแพร่บทความในภาษาไทย ร่วมกับ Artnet.com จากนิวยอร์ก และ Argonotlar.com จากอิสตันบูล เพื่อร่วมกันสร้างโครงข่ายของระบบนิเวศน์ทางศิลปะที่เข้มแข็ง และเพื่อให้ผู้สนใจศิลปะชาวไทยสามารถเข้าถึงได้โดยปราศจากกำแพงด้านภาษา)
ย้อนกลับไปในวันที่ 25 เมษายน 1993 เวลา 1400 (เขียนตามแบบทหาร) ผู้ชมซึ่งประกอบไปด้วยศิลปิน นักวิชาการ และผู้สนใจศิลปะ ได้มารวมตัวกัน ณ แกลเลอรี Dia Center แห่งกรุงนิวยอร์ก เพื่อเข้ารับฟังการบรรยายของ เมล ชิน (Mel Chin) ศิลปินคอนเซปชวลตัวพ่อ ผู้ใช้งานศิลปะในการวิพากษ์ประเด็นสังคมได้อย่างเฉียบแหลมเสมอมา
แต่เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากที่ชินเดินขึ้นมาประจำที่โพเดียม เขาก็ก้มลงหยิบปืนไรเฟิล Remington M700 .30-06 ขึ้นมา แล้วเล็งไปยังผู้เข้าร่วมการบรรยายที่ล้วนแต่เป็นปูชนียบุคคลในโลกศิลปะ พร้อมสวมบทบาทเป็นสไนเปอร์จากกองทัพที่ถูกไวรัสที่ชื่อว่า ‘อำนาจ’ เข้าครอบงำร่างกาย ก่อนจะประกาศสารที่ชวนให้เหล่าผู้คนแห่งโลกศิลปะ ไม่ว่าจะเป็น สถาปนิก ศิลปิน หรือนักวิชาการ ให้หันมารับบทเป็นสายลับสองหน้า และทำงานแทรกซึมองคาพยพของสังคมแบบเดียวกับไวรัส ด้วยการหาโอกาสพาตัวเองออกไปเสียจากโลกศิลปะที่คร่ำเคร่งกับกระบวนการทำงานอันซับซ้อนซ่อนความหมาย และการล่ารางวัล แล้วออกไปทำงานศิลปะร่วมกันกับสังคม
ชินเชื่อว่า การรับบทเป็นสายลับสองหน้าของเหล่าศิลปินด้วยการทำงานทั้งในโลกศิลปะชั้นสูงกับพื้นที่ทางสังคมนี่แหละ จะเป็นวิถีทางใหม่ในการต่อสู้กับกระบวนการ ‘จัดระเบียบโลกใหม่’* ซึ่งในอีกแง่หนึ่งได้คืนชีพให้แก่แนวคิดเผด็จการ และทำงานอย่างเงียบงันผ่านฝ่ายการเมืองที่เป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตย
ในวันที่ชินชี้ปืนไปยังผู้ชมนั้น คือวันที่สังคมอเมริกันเพิ่งตระหนักว่า พวกเขากำลังจะเผชิญหน้ากับการกลับมาของไวรัสร้ายที่ชื่อว่า ‘อำนาจ’ ซึ่งมีผู้แพร่เชื้อเป็นรัฐบาลฝ่ายขวาที่เป็นดังร่างทรงกลับมาเกิดใหม่ของลัทธิเผด็จการ (เหตุการณ์ที่ชินยกมาเป็นตัวอย่างของความ ‘บ้าอำนาจ’ ของรัฐบาลอเมริกัน คือเหตุการณ์ ‘การล้อมเวโก’ ที่รัฐบาลส่งกองกำลังเจ้าหน้าที่ไปปิดล้อมอาคารของกลุ่มลัทธิแบรนช์ดาวิเดียนส์ในเมืองเวโก รัฐเท็กซัส ก่อนจะใช้กำลังเข้าจู่โจมจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง)
และเพียงเจ็ดปีหลังจากเมล ชิน จ่อหัวผู้ชมด้วยลำปืน สัญลักษณ์แห่งโลกทุนนิยมอเมริกันอย่าง World Trade Center ก็ถูกทำลายลง อันเป็นการส่งสัญญาณให้เชื้อร้ายที่ชื่อว่าเผด็จการกลับมาทำงานอีกครั้งในรูปแบบแนวคิด ‘เสรีนิยมใหม่’ (Neoliberalism) โดยมีตัวอย่างผู้ติดเชื้อรุนแรงคือ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ผู้เปิดฉากสงครามต่อต้านการก่อการร้าย และพากองทัพอเมริกาเดินหน้าสู่สงครามอิรัก
30 ปีหลังจากเพอร์ฟอร์แมนซ์อาร์ตในวันนั้น เมล ชิน กลับมาพร้อมประกาศว่า “นี่คือปี 2023 และเราทุกคนล้วนถูกจ่อหัวด้วยปืนที่มองไม่เห็น” พร้อมส่งข้อความถึงเหล่าสายลับสองหน้าที่เป็นเหล่าศิลปิน ให้ร่วมกันเปลี่ยนกระบวนรบใหม่ เพราะสงครามที่เราต้องต่อสู้ในวันนี้คือสิ่งที่เรามองไม่เห็น เป็นสิ่งที่แทรกซึมอยู่ในตัวเรา และคืบคลานอย่างเงียบงันเข้ามาในชีวิตประจำวันแบบที่เราไม่รู้ตัว
และต่อไปนี้คือสารจากเมล ชิน ที่เราได้รับเกียรติให้นำมาแปลเพื่อเผยแพร่ให้ทุกคนได้รับรู้ร่วมกัน
(*New World Order หรือ การจัดระเบียบโลกโดยประเทศมหาอำนาจ เป็นคำศัพท์ที่เกิดขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยมีตัวอย่างชัดเจนเป็นการแทรกแซงการจัดการในประเทศญี่ปุ่น ผู้เป็นผู้แพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และอีกครั้งในช่วงสงครามเย็นที่สหรัฐอเมริกาเข้าไปทำสงครามในประเทศแถบเอเชีย เช่น เวียดนาม เพื่อยับยั้งการเติบโตของอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ โดยหลังจากที่โซเวียตล่มสลาย New World Order จึงหมายถึงความพยายามของสหรัฐอเมริกาในฐานะมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียว ที่เข้าไปแทรกแซงและควบคุมดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งในด้านกองทัพ เศรษฐกิจ และการเมือง โดยความพยายามจัดระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกามีความเข้มข้นขึ้นหลังเหตุการณ์ 9/11 ที่ทำให้สหรัฐอเมริกาอ้างความชอบธรรมในการเข้าไปแทรกแซงการเมืองและรุกรานประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในประเทศแถบตะวันออกกลาง)
Mel Chin
ในปี ค.ศ. 1993 ปืนทางการเมืองที่ไม่มีใครมองเห็น เล็งมาที่หัวของพวกเราทุกคน ผลักดันพวกเราเข้าสู่อนาคตที่ไม่อาจคาดเดา พ่นคำสัญญาตลบแตลงน้ำลายย้อยใส่หน้าคนจน (เมล ชิน ใช้คำว่า
trickle down ซึ่งมีความหมายตรงตัวว่าการไหลย้อย และยังเป็นคำเรียกแนวคิดเศรษฐกิจไหลจากบนลงล่าง หรือ ‘Trickle-down Economics’ ที่เอื้อประโยชน์บางอย่างให้คนรวย เช่น การลดภาษี โดยหวังว่าคนรวยจะลงทุนมากขึ้น จนส่งผลให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น) เป็นเวลาเจ็ดปีแล้วนับจากที่ แฟรงก์ แซปปา เตือนเราถึงภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยที่มาพร้อมกับการเกิดใหม่ของลัทธิฟาสซิสต์ เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เพิ่งถูกถล่ม และเหตุการณ์ปิดล้อมเวโกกลายเป็นน้ำมันราดกองไฟที่นำมาสู่กลุ่มเมฆทะมึน ลอยอยู่เหนือหัวของพวกเราในรูปของปัญหาการครอบครองปืน การทำสงครามเพื่อศาสนา และการก่อการร้ายในประเทศ เดือนแรกของปี 1993 ยังเป็นจุดเริ่มต้นของรัฐบาลคลินตัน ที่นำมาสู่การลุกฮือของลัทธิเสรีนิยมใหม่
วันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 1993 เวลา 1400 น. ผมเล็งปืนไรเฟิลไปที่ผู้ชมที่มารวมตัวกันที่ Dia Center ในเชลซี
ผมพูดกับผู้ชมในฐานะนักลอบสังหารจากกองทัพผู้พยายามทำภารกิจให้ลุล่วง ก่อนที่ผมจะก้มลงหยิบปืนไรเฟิลออกมา ปลดกล้องเล็งกลางคืนออกจากตัวไรเฟิล แล้วกระซิบถ้อยคำใส่ไมโครโฟนซึ่งติดอยู่ที่ลำกล้อง ผมเปล่งเสียงออกไปในฐานะของไวรัส HIV ที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านเยื่อบุผิวในร่างของผู้ติดเชื้อซึ่งหาได้รู้ตัวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะพูดบทที่ผมเพิ่งเขียนเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนขึ้นทำการแสดงนี้
บทที่ผมเขียนขึ้นมานั้นเป็นการสอดแทรกรหัสนัยและการนำเสนอวิถีทางใหม่ เพื่อให้เหล่าเพื่อนสถาปนิก ศิลปิน และนักวิชาการ ได้พิจารณา ผมขอชักชวนให้พวกเราร่วมกันรับบทเป็นสายลับสองหน้า ที่ในบางครั้งก็ละทิ้งรางวัลและกระบวนการทำงานศิลปะแสนเข้าใจยาก แล้วร่วมกันปฏิบัติภารกิจในฐานะหน่วยปฏิบัติการลับที่ทำงานร่วมกับสังคม ในฐานะหน่วยสไนเปอร์ที่ทำงานแทรกซึมแบบเดียวกับไวรัส เราสามารถเข้าถึงหนทางใหม่ในการโต้ตอบกับ "ระเบียบโลกใหม่" ที่ทำงานอย่างลับ ๆ ผ่านการอำพรางตัวในรูปแบบของปฏิบัติการต่อต้านความไม่สงบของรัฐได้
.
นี่คือปี 2023 และปืนที่มองไม่เห็นได้กลับมาจ่อหัวเราอีกครั้ง
(ด้านล่างคือบทพูดในการแสดงครั้งนั้น)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/65a9181e10d560f2f72305a9b1937f03.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/2af96f31f3967b215479b922946e6dbb.jpg)
ถอดเสียงและบันทึกการปฏิบัติงานสำหรับการประชุม ECO-TEC New York ที่จัดขึ้นที่ Dia Center for the Arts, 25 เมษายน ค.ศ. 1993
ส่วนที่ 1
หลังช่วงแนะนำตัวจบลง คุณมีเวลา 30 วินาทีในการ… หยิบปืนไรเฟิลเรมิงตัน M700 .30-06 โบลต์แอคชั่น ดัดแปลง (ด้วยการติดไมโครโฟนไร้สาย) กล้องเล็งกลางคืน Raytheon Night Vision ที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ โหลดปืนไรเฟิลด้วยกระสุนเปล่า เดินขึ้นโพเดียมและเข้าประจำตำแหน่ง เล็งไปที่เหนือศีรษะของผู้ชมเล็กน้อย และกวาดไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
กระจายเสียงข้อความเหล่านี้ซ้ำ ๆ ผ่านเทปบันทึกเสียงอันเล็กที่คุณซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทของคุณ…
ฉันเห็นคุณ และฉันซ่อนตัวเองไว้ใต้เนื้อหนังของฉัน
เดือนเมษายน — เครื่องปรับอากาศและสายลมที่ไม่มีอยู่จริง
ไฟดับทั่วภูมิภาคตอนเหนือเป็นเวลา 5 วัน
เวลา 2 นาฬิกา
ปฏิบัติการที่ความสูง 27 เมตร
กองกำลัง 25 กอง
มีเวลาเพื่อไปให้ถึงหน้าต่าง 43 วินาที
เข้าประจำตำแหน่ง 25 นาที
เล็งไปที่ 3 องศา
ทางออกอยู่ทางทิศตะวันตก
IBS บนแม่น้ำฮัดสัน
แฉลบไปทาง 8 นาฬิกาทางทิศตะวันออก
อุณหภูมิของเครื่องทำความร้อนสำรองสูงขึ้น
ปฏิบัติการแบบไร้หลักฐาน
สภาพแวดล้อมเงียบ
พร้อมปฏิบัติการ
ทำใจให้สงบ
ภารกิจดำเนินต่อไป
ดึงไกปืนไรเฟิล ได้ยินเสียง: “คลิก” เสียงคนพูด: “ยิง”
ปืนถีบตัว
a. ดึง "ปืน" อีกอันออกมา (สว่านมาทิกาไร้สายขนาดเล็กที่ทาสีดำด้านให้ดูเหมือนปืน) ...คลายสกรูที่เชื่อมต่อกล้องเล็งกับปืนไรเฟิล
b. เปิดไมโครโฟน/กล้องเล็ง แล้วพูดตามเสียงจากเทปคลาสเซตต์
ฉันเห็นคุณ ซ่อนอยู่ภายใต้เนื้อหนังของตัวเอง ฉันพร้อมที่จะแทรกซึมเข้าไป
ความหลงใหลของคุณคือเชื้อแพร่ระบาด
ของเหลวเดินทาง
ผ่านเข้าสู่เยื่อเมือก…
เรียงตัวกับเกล็ดเลือดในเส้นเลือดฝอย
และไหลเข้าสู่เส้นเลือดใหญ่
บางส่วนถูกกลืนกินโดยเซลจากภูมิคุ้มกัน
เม็ดเลือดขาวนำทางฉันไป
สู่ข้อต่อเชื่อม
เปลือยเปล่า… ตัวฉันไม่มีอยู่อีกต่อไป
ไวรัสเพิ่มจำนวน
ไซโทพลาซึมเปิดทางต้อนรับ
ไรโบนิวคลีอิกเกี่ยวกระหวัดรัดเป็นริบบิ้นรับขวัญ
ก่อตัวเป็นสารระบบนิวคลีอิก
ก่อร่าง ควบตัว
กลายเป็นโมเลกุลแห่งชีวิต
โครงสร้างโปรตีน
พื้นผิวแยกออก
ผูกมัดและแยกตัวออกจากเซลล์
ความทรงจำของฟาโกไซติกและแอนติบอดีหวนคืนกลับมา…
ภารกิจดำเนินต่อไป
- วางไมโครโฟนหรือกล้องเล็งทางไกลลง… อ่านข้อความจากโพเดียม
ข้อความ:
ฉันเห็น (… การทำงานของโรคระบาดแห่งการต่อต้าน)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/8180569002231f2652456f725603cfbb.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/14d0993f9819ff95884589df24cb9d0c.jpg)
ผมเริ่มทำการแสดงด้วยการสร้างสองตัวละครที่ล้วนมีความสามารถจบชีวิตของเป้าหมายด้วยความแม่นยำไร้ข้อผิดพลาดเช่นเดียวกัน — หนึ่งคือนักแม่นปืนนาวิกโยธินแปรพักที่หันมาเข้าข้างความสันติ (ผู้มีความแม่นยำในการสังหารเป้าหมายที่ 98% ในระยะ 1,000 เมตร) และอีกตัวละครหนึ่งคือการจำลองเสียงพากย์การเดินทางของไวรัสที่กำลังเข้าครอบงำร่างกายของผู้ติดเชื้อ ทั้งสองตัวละครล้วนเป็นภาพจำลองการครอบงำของ ‘อำนาจ’ ที่มีผู้รับคำสั่งแตกต่างกัน — หนึ่งคือเจ้าหน้าผู้บังคับใช้อำนาจผ่านกองทัพ ในขณะที่อีกหนึ่งคือเชื้อร้าย ที่ก็ใช้วิธีการครอบงำร่างพาหะด้วยลักษณะเดียวกัน ทั้งสองล้วนเข้าครอบงำมนุษย์ภายใต้ความชอบธรรมแห่งการพัฒนาและวิวัฒนาการ นาวิกโยธินมือปืนผู้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ และเหล่าสิ่งมีชีวิตเซลเดียว (เช่น ไวรัส แบคทีเรีย) ล้วนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นเลิศเช่นเดียวกัน ทั้งสองล้วนเป็นผู้สร้างสภาพแวดล้อม ที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งและเป็นผลผลิตของโครงสร้างทางจิตวิทยาที่ใหญ่กว่าของสังคม
ผมเขียนถ้อยประกาศเหล่านี้จากการย้อนกลับไปมองผลงานของตัวเอง ซึ่งยังคงทำหน้าที่เป็นทั้งการวิพากษ์การเมืองและเป็นประจักษ์พยานทางเมือง ผมยังเขียนสิ่งนี้จากความล้มเหลวของตัวผมเอง ในการที่จะเรียกร้องให้ผู้กระทำออกมาแสดงความรับผิดชอบ ทั้งในแง่ของการแสดงอารมณ์และการกระทำ ต่อโศกนาฏกรรมและสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม ผมอยากชวนทุกคนให้มาร่วมกันสอดแนม และร่วมกันพิจารณาหาหนทางในการ ‘ปลุกระดม’ มากกว่าที่จะเป็นผู้เริ่มก่อสงคราม และเพื่อสร้างกระจกสะท้อน มากกว่าที่จะมอบบทสรุปแบบกำปั้นทุบดิน ความปรารถนานี้เองที่ทำให้เป้าหมายของผมยังมั่นคงเสมอมา
อาโตต์ (อาแอนโตนิน อาร์โตด์ — นักเขียน กวี และศิลปินชาวฝรั่งเศสคนสำคัญของขบวนการอาวองการ์ด) ให้ความเห็นไว้ในรวมข้อเขียนชื่อ The Theater and Its Double ว่า
ในงานเขียน City of God นักบุญออกัสตินได้วิจารณ์ถึงความคล้ายคลึงกันระหว่างการทำงานของโรคระบาดซึ่งค่อย ๆ คร่าชีวิตโดยหาได้ทำลายอวัยวะในตัวของผู้ติดเชื้อ เช่นเดียวกับการแสดงละครซึ่งมีอานุภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลงอันลึกลับในห้วงความคิด ที่หาได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในคนแค่คนเดียว แต่สามารถเปลี่ยนความคิดคนทั้งอาณาจักรได้ โดยไม่ต้องสังหารชีวิตผู้ใด
ในบทละครกรีก Ion โดยยูริพีเดส กล่าวถึง เลือดของปีศาจกอร์กอนสองหยด ที่ "พุ่งออกมาจากเส้นเลือดใหญ่” หยดหนึ่งมีอานุภาพในการรักษาโรคทั้งปวง ในขณะที่อีกหยดคร่าชีวิตมนุษย์ทั้งหมดได้
การที่แพทย์กองทัพของโรงพยาบาล Walter Reed มีมติให้ฉีด GP160 (น้ำหนักโมเลกุลของโปรตีนกลูโค 160 — เป็นความพยายามของกองทัพทหารในการนำวัคซีนต้านเอดส์มาทดลองใช้ในกองทัพ) มาใช้ในคนไข้ทหาร นับเป็นสิ่งที่ต้องยกย่อง (แต่การบังคับฉีดวัคซีนเพื่อจุดประสงค์ด้านการทดลองทางการแพทย์นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) แต่การที่ผมก้มหน้าก้มตาบากบั่นทำงานเหมือนลาถึกได้พิสูจน์แล้วว่า ความเปลี่ยนแปลงไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยเร็วอย่างใจที่นึก การเปลี่ยนแปลงแบบ Punctuated Equilibrium (‘ดุลยภาพเป็นพัก ๆ’ คือทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่เห็นแย้งกับข้อเสนอของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ที่เชื่อว่าวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตเกิดจากการค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงทีละน้อยให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม และอาศัยระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน แต่ทฤษฎีดุลยภาพเป็นพัก ๆ เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นอย่างฉับพลันครั้งใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งจะสร้างสปีชีส์ใหม่ ๆ ขึ้นมา) ที่เสนอโดยนักบรรพชีวินวิทยาโกลด์และเอลดริดจ์จะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันที ตราบใดที่กลุ่มอุตสาหกรรมทหารยังคง “เปิดทำการตามปกติ” จริงอยู่ว่าความพยายามในการเปลี่ยนแปลงของกองทัพในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องน่ายกย่อง แต่ในอนาคต มันจะกลายเป็นเพียงเครื่องมือของกลุ่มอนุรักษ์นิยมสุดโต่งรึเปล่า? หรือการแสดงความเปลี่ยนแปลงเพียงครั้งเดียวนี้จะถูกยกขึ้นมาใช้เป็นข้ออ้างซ้ำ ๆ เพื่อบอกว่าพวกเขาเปลี่ยนไปแล้ว แต่ที่จริงก็ไม่ใช่ เหมือนกับตอนที่ริบบิ้นสีเหลืองถูกนำไปผูกบนต้นโอ้ค แล้วสุดท้ายมันกลับค่อย ๆ กลายเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มฟาสซิสต์ หากวัคซีนต้านไวรัสนี้คือสัญญาณแรกของความเปลี่ยนแปลงจริง ๆ เราจะได้เห็นยาฆ่าเชื้อไวรัสที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคที่ร้ายแรงกว่านี้ในอนาคตหรือไม่? การเสแสร้งทำเป็นเปลี่ยนแปลงนี้จะได้รับการสนับสนุนโดยสัญญาประชาคมปลอม ๆ อีกหรือเปล่า?
สุดท้ายแล้ว ผมคงได้แต่คาดเดา และในขณะเดียวกันก็กำหนดตั้งมาตรฐานใหม่ให้กับระเบียบการทำงานของตัวเอง ผมไม่ได้กำลังจะบอกให้ศิลปินเลิกทำงานศิลปะลึก ๆ ชวนขบคิด แม้ว่างานของผมหนึ่งหรือสองชิ้นก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมากนักก็ตาม แต่สิ่งที่ผมอยากตั้งข้อสังเกตก็คือ ตอนนี้บรรดาพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีต่างทำตัวเป็นผู้นำลัทธิติดอาวุธสุดคลั่งกันทั้งหมด เป็นไปได้รึเปล่าว่า ตัวผมเองก็ได้กลายเป็นเพียงหนวดฝั่งซ้ายของหมึกยักษ์ที่ชื่อว่าสถาบันศิลปะอันสูงส่ง ถูกเก็บไว้ใช้ประดับบารมีโดยที่ผมไม่รู้ตัว? เป็นไปได้หรือเปล่าที่คำประกาศนิทรรศการที่ผมเขียนได้กลายเป็นเพียงเหยื่อล่อในการประชาสัมพันธ์ให้กับองค์กรไร้หัวจิตหัวใจที่เป็นเหมือนกับอาณานิคมปรสิตที่ลุกลามไปทั่วท้องทะเล? ทุกอย่างง่ายไปหมดถ้าคุณเป็นหนวดที่ผลิตหมึกให้มันได้ มีงานศิลปะมากมายที่ผมชื่นชมในแง่ของการแหกกรอบพื้นที่ศิลปะ และสามารถตั้งคำถามวิพากษ์วิจารณ์พื้นที่ศิลปะอันสูงส่ง แต่เอาจริง ๆ แล้ว เราเป็นเพียงเหยื่อล่อรึเปล่า? - เป็นที่รักเพียงชั่วคราว ถูกเล้าโลมและลูบไล้ด้วยหนวดของปลาหมึกซึ่งที่จริงแล้วกำลังค่อยๆ ดึงเราไปที่จงอยปากของมัน? การขบถของเราย้อนกลับไปช่วยสร้างน้ำหมึกที่มันใช้พ่นออกมาทั่วท้องทะเล และสิ่งที่มันพ่นออกมาก็ถูกปกปิดไว้ภายใต้ฉากหน้าของข่าวประชาสัมพันธ์ (Press Release) ที่อ่านแล้วคลุมเครือยากจะเข้าใจ
ในหนังสือที่พูดถึงโรคเอดส์ The Plague Years ผู้เขียน เดวิด แบล็ก ปิดท้ายด้วยสิ่งที่เขาอธิบายว่าเป็นนิทานเตือนใจ
กาฬโรคมีจุดเริ่มต้นที่เชิงเขาหิมาลัยในบริเวณที่เรียกว่าการ์วาลห์และกุมาน จักรวรรดิแซระเซ็นทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันยุโรปจากโรคร้าย ด้วยเหตุนี้ เมื่อชาวยุโรปรบกับพวกแซระเซ็นในช่วงสงครามครูเสด ยิ่งพวกเขาประสบความสำเร็จในสนามรบมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งเสี่ยงที่จะนำโรคติดต่อกลับไปยังบ้านเกิดมากขึ้นเท่านั้น จงระวังการต่อสู้ที่คุณชนะ
การวางแผนการรบเพื่อทำสงครามเบ็ดเสร็จ (การทำสงครามที่ประเทศคู่สงครามทุ่มทรัพยากรทั้งหมดเพื่อใช้ในการทำสงคราม เพื่อที่จะทำลายประเทศคู่สงครามให้ราบคาบ) กับฝ่ายตรงข้ามที่มีระบบมั่นคงมายาวนานอย่างกองทัพนั้นไม่ใช่ยุทธวิธีที่ปลอดภัย สงครามที่ยืดเยื้อให้ผลตอบแทนเพียงเล็กน้อย หากผมลองต่อสู้แบบตัวต่อตัว สิ่งที่เหลืออยู่ก็คงเป็นแค่ต่อไม้หรือร่างไร้แขนขาที่ทำอะไรก็ไม่ได้ เราจะสามารถสั่นคลอนอำนาจพร้อม ๆ ไปกับการสู้กับสิ่งที่ฟูโกต์เรียกว่า “...ลัทธิฟาสซิสต์ในตัวเรา ในหัวเรา และในชีวิตประจำวันลัทธิฟาสซิสต์ที่เป็นต้นเหตุให้เราหลงรักในอำนาจได้อย่างไร เราจะต่อสู้กับความปรารถนาที่ทั้งครอบงำและเอาเปรียบเราได้อย่างไร?”
กวีชาวม้ง เสงสือหยาง ได้ให้ตัวอย่างไว้ว่า…
เพื่อจะข้ามแม่น้ำ ฉันจำต้องถอดรองเท้าออก
เพื่อจะข้ามแผ่นดิน ฉันจำต้องสละหัวออกจากบ่า
ดังนั้นแล้ว ผมจึงนั่งอยู่ในที่ซ่อนของผม พร้อมกับข้อสังเกตที่ชวนกลัดกลุ้ม ในฐานะศิลปินที่ไม่พอใจกับสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นการแบ่งแยกอัตลักษณ์ บางทีการทำสงครามอาจไม่ใช่สิ่งที่ผมควรทำ แต่กลไกของการทำงานแบบสไนเปอร์/ไวรัส อาจเป็นหนทางการต่อสู้ที่ควรค่าแก่การลองสักตั้ง เพื่อปักหมุดจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ หรือเพื่อหล่อเลี้ยงความคิดเสรีให้ยังคงอยู่ต่อไป โดยไม่ติดกับดักของการถูกลอกว่ามีทางเลือก ซึ่งแท้จริงแล้วกลับกำลังนำพาเราไปสู่ระบบที่ปิดตาย
งานศิลปะที่ปรารถนาจะหาเส้นทางอื่น เพื่อพาตัวเองหลบหนีไปสู่โครงสร้างที่เชื่อมร้อยด้วยวัฒนธรรมของเรา แทนที่จะพาเราไปสู่แค่แกลเลอรี พิพิธภัณฑ์ หรืองานอิเวนต์และพื้นที่ศิลปะนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคำนึงถึงการสวมบทบาทเป็นสไนเปอร์/ไวรัส
เช่นเดียวกับสไนเปอร์และไวรัส เราต้องเลือกที่จะแฝงตัวในพาหะที่เหมาะสม และเป้าหมายควรเป็นแหล่งที่พร้อมแพร่เชื้อในวงกว้าง แหล่งเพาะเชื้อของระบบทุนนิยมสมัยใหม่ตอนปลายที่เหมาะสมที่สุด เช่น เชนบริษัทอาหารฟาสต์ฟู้ด สำนักงานศาสนานิกายฟันดาเมนทัลลิสม์ บริษัทโฆษณาที่ทำงานให้กับบริษัทยาสูบ รวมไปถึงบรรดาต่อมไร้ท่อที่ที่อาจเล็กลงมา ซึ่งก็คือร้านค้าในห้างสรรพสินค้าที่เป็นที่นิยม ล้วนเป็นเป้าหมายชั้นดีสำหรับการปฏิบัติภารกิจการของไวรัส
ผมมีความอิหลักอิเหลื่อที่จะวิพากษ์วิจารณ์องค์กรเหล่านี้ หรือแม้แต่ลงมือทำอะไรสักอย่างกับพวกเขา เพราะหากมองว่าสังคมคือร่างกายขนาดใหญ่ เราทุกคนล้วนเป็นเชื้อร้ายที่ไม่ส่งผลดีต่อร่างกายเฉกเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ผมปรารถนาเหนือไปกว่าการวิพากษ์วิจารณ์ ก็คือความปรารถนาที่จะเชื่อมต่อ ซึ่งความปรารถนาในการเชื่อมต่อนี้จะสามารถขับเคลื่อนวิถีทางแห่งสไนเปอร์ / ไวรัส ต่อไปได้
ในยุคศิลปะหลังสมัยใหม่ มีโครงสร้างโปรตีนมากมายที่สามารถถูกหยิบมาใช้ หรือแม้กระทั่งประดิษฐ์ขึ้นใหม่ เพื่อสามารถแพร่ระบาดสู่ร่างของพาหะที่ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังได้รับเชื้อ แต่ความพยายามในการเชื่อมต่อกับร่างพาหะที่เหมาะสมกลับเห็นได้น้อยลง กระทั่งแค่จะถอดหัวโขนแล้ววางอัตตาของตัวเองลง เพื่อแฝงตัวแทรกซึมเข้าไปในเยื่อหุ้มเซลล์ของสังคม ก็ยิ่งเห็นได้น้อยลงไปอีก
ความน่าสะพรึงกลัวของมือปืนที่อาจแอบซุ่มโจมตีเรา หาได้อยู่ในประวัติศาสสงครามยุคใหม่อีกต่อไป เพราะตอนนี้พวกเขาได้หันปลายกระบอกปืนมาจ่อหน้าเราแบบซึ่ง ๆ หน้า เพียงแต่เรามองไม่เห็นเท่านั้น เราไม่ควรมองโมเดลการใช้อำนาจเช่นนี้ในทางลบ แต่ควรมองมันในฐานะต้นแบบปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเราควรศึกษาอย่างจริงจัง การสำรวจเส้นทางใหม่ที่หาได้ยึดติดกับกรอบแบบเดิม ๆ คือพันธกิจสำคัญของศิลปะ แน่นอนว่าหากเป้าหมายรู้ตัวขึ้นมา… การวางแผนหาทางหนีทีไล่ก็เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งเป็นอีกครั้งที่เราต้องคิดในวิถีทางของชีววิทยา… กลายพันธุ์ให้เร็ว แล้วเข้าควบคุมเซลถัดไป
ความหวาดระแวง ความระแวดระวัง บทบาทของผมในฐานะประจักษ์พยาน การเปิดโปงแผนการสมรู้ร่วมคิด ล้วนไม่เพียงพออีกต่อไป ผมต้องลงมือทำมากกว่านี้ ดังที่คุณป้า E. McRedmond อายุ 80 กว่าปีแห่งแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี กล่าวว่า “งานที่เริ่มขึ้นนั้นสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง” ผมสนใจในครึ่งหนึ่งที่ว่านั้น ผมสนใจสถานะการอยู่ระหว่างกลาง การสร้างครึ่งหนึ่ง หรือการก่อร่างพาหนะที่จะพาเราไปสู่เป้าหมายซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จแค่ครึ่งเดียว จึงมีความจำเป็นมากกว่าในช่วงเวลาไหน ๆ การเรียนรู้จากไวรัสที่ยังพัฒนาโครงสร้างไม่สมบูรณ์ ทำให้เราได้เบาะแสอะไรบางอย่าง พวกมันอาศัยข้อจำกัดในสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มจำนวนประชากรสายพันธุ์ของมัน ในฐานะศิลปิน ผมจำเป็นต้องสร้างข้อจำกัดที่คล้ายกันนี้ขึ้นมา เพื่อไม่ปล่อยให้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความคิดของศิลปินซึ่งถือเป็นที่สิ้นสุด แต่ให้สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ที่การชักชวน หรือร่วมกันสร้างจุดเริ่มต้น ร่วมกันลงมือทำ
อย่างไรก็ดี ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ยังมีบางแง่มุมที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ การโจมตีกลุ่มลัทธิส่งผลให้เกิดความวุ่นวายและผลกระทบที่คาดไม่ถึง ซึ่งนำมาสู่การตั้งคำถามถึงรูปแบบพฤติกรรมของมนุษย์ที่ยอมรับได้ เพราะทั้ง เดวิด โคเรช์ และ ATF (Bureau of Alcohol, Tobacco, Firearms and Explosives– หน่วยปราบปรามคดี เหล้า บุหรี่ อาวุธปืน และระเบิด คือหน่วยงานที่เข้าไปล้อมปราบที่ทำการลัทธิของเดวิด โคเรช์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก) ล้วนมีเป้าหมายสุดท้ายและต่างก็ปฏิบัติการอย่างรัดกุม หากมองโลกในแง่ดี ผมหวังว่าเป้าหมายของผมจะไม่เกิดความผิดพลาดที่ไม่อาจควบคุมได้เช่นนั้น ผมหันไปให้ความสนใจกับกลไกการทำงานของสไนเปอร์และไวรัส เพราะไม่ต้องการให้เกิดการทำลายชีวิต แต่เพื่อนำไปสู่ทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น การขีดเส้นตายและยื่นคำขาดล้วนนำไปสู่ความไม่มั่นคงและชีวิตที่ถูกบังคับ หวาดกลัว และการต่อต้านวาทกรรม โดยที่สุดท้ายแล้วเราก็ไม่ได้เชื่อมโยงกันอยู่ดี
และโดยธรรมชาติของการประกอบสร้าง การเปิดโปงแบบหมดเปลือกถึงแก่นนั้นไม่เคยมีอยู่จริง เพราะมีเพียงเปลือกนอกของเราเท่านั้นที่ถูกประกอบสร้างขึ้นมา
และหากผมถอดเปลือกนั้นออกไป ผมก็จะไม่มีตัวตน
อีกต่อไป
อ่านบทความต้นฉบับได้ที่ https://www.protocinema.org/protodispatch/mel-chin
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/4c3db019737f293b5ee8c108b0456eed.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/64a0c53efb7e0d11b00aef1a86b8b7dd.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/7ea39cc35749ee6a5a1ae4377cbaff52.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/b9d8cc7be87e83479be97dc75a8473a4.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/bdae8a89595558f67c67eb01c4bba50d.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/76b2d269285f6b27c160f92ddf274f11.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/703bba8daba953cee2d0149a9484747e.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/9e261a0f2b27abe1fb1eec2529f602a6.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/6714774945cfd3dc6277fe159ce33afd.jpg)