(บทความชิ้นนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)
จาก Fast and Furious หนังแอคชั่นแข่งรถชื่อดัง นำมาสู่ ‘Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ’ ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ที่หยอกล้อไปกับกิมมิกความเร็วทะลุมิติ และฉากดังในหนังหลายต่อหลายเรื่อง โดยส่งผ่านการแข่งกันกีฬาเรียงแก้ว หรือ Sport Stacking ที่มี เกา (นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต) นักเรียงแก้วตัวฉกาจ ซึ่งยกทั้งชีวิตของเขาให้กีฬาอันเป็นที่รัก เป็นตัวเอกของเรื่อง
แต่การที่ เกา จะก้าวมาเป็นนัมเบอร์วันได้นั้น ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยหรือความพยายามของเขาเพียงอย่างเดียว หนังเรื่องนี้จึงนำมาสู่เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง เกา และ เจ (ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์) แฟนสาว กับเส้นทางชีวิตที่ต้องเลือกระหว่างความฝันส่วนตัวกับการวางแผนชีวิตในวัยย่าง 30 ปี เพื่อสร้างครอบครัวอันสมบูรณ์แบบในอนาคต
การแข่งขัน Stacking ทำให้เห็นว่าเวลาเพียงเสี้ยววินาทีมีค่ามากแค่ไหน โดยเฉพาะสำหรับเกาที่เป็นนักกีฬาบนเกมการแข่งขันที่มีตัวเลขเสี้ยววินาทีเป็นเดิมพัน แต่ก็ใช่ว่าจะมีแค่เกาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้ช่วงชิงเวลา เพราะทุกวันคืน เราทุกคนย่อมต้องแข่งกับวันเวลาอยู่ตลอด ดังนั้น ในช่วงที่เกามุ่งเป้าไปที่จุดหมาย นั่นคือการเป็นแชมป์ Stacking ระดับโลก เจ ซึ่งคอยดูแลจัดแจงสิ่งต่าง ๆ ภายในบ้านให้ จึงได้เห็นว่าตัวเองพยายามแข่งกับความรู้สึกภายใน และถูกช่วงชิงเป้าหมายที่เธออยากสร้างครอบครัวไปด้วยเช่นกัน
เราทุกคนล้วนมี ‘เจ’ ในชีวิตจริง
‘เจ’ หญิงสาวผู้แสนดีที่ทำทุกอย่างอย่างเป็นระบบระเบียบ คอยดูแลซัพพอร์ตคนรักในทุกตารางนิ้ว คือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่สะกิดใจผู้ชมให้กลับมาคิดว่า การใช้ชีวิตตามกิจวัตรประจำวันตามแบบฉบับ ‘แม่บ้านที่ดี’ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และ ‘การยอม’ ก็มีขีดจำกัดเช่นกัน ซึ่งขีดจำกัดที่ว่ามานี้ แสดงออกผ่านความรู้สึกนึกคิด และความฝันอันเรียบง่ายของเจ ที่ไม่แม้แต่จะได้รับการรับฟังจากคนที่เธอรัก แม้ว่าเธอจะยอมอดทนรับผิดชอบต่องานบ้าน เพื่อเป้าหมายที่ว่า หลังจาก เกา แฟนหนุ่มชนะเกมการแข่งขันครั้งใหญ่ เธอและเขาจะได้สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างครอบครัวที่อบอุ่นไปด้วยกัน แต่การรอนั้นกลับบั่นทอนเธอเข้าไปทุกที
เป็นที่น่าสนใจว่าสิ่งนี้ ทำให้ผู้ชมอย่างเราหันกลับมานึงถึงใครบางคนที่เรารู้จัก ใครบางคนที่รู้จักเราดีกว่าตัวเราเอง และเฝ้ามองเราเสมอ ถึงเราเองจะมุ่งหน้าทำตามเป้าหมาย จนลืมใส่ใจในบางความรู้สึกของเขาก็ตามที นำมาสู่ตอนท้ายของเรื่องที่ตัวละคร เกา ได้ฉุกคิดไปพร้อมกับคนดูว่า ตลอดเสี้ยววินาทีการแข่งขัน เขายังมีคนแบบ เจ ในเวอร์ชั่นที่ต่างออกไปอยู่เคียงข้าง ยิ่งไปกว่านั้น คนอย่างเจอาจมีมากกว่าหนึ่งคนก็เป็นได้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าตัวหนังจะชูความดราม่าจัด จนชวนให้หลั่งน้ำตา เพราะท่าทีความกวน ๆ จังหวะการเล่าเรื่องที่เร็วเหมือนหนังแอคชั่น หรือโฆษณาขายตรง รวมถึงฉากที่เคารพปนล้อเลียน จิกกัดฉากหนังดังในตำนานมากมาย จนผู้ชมกลั้นขำกันไม่อยู่ ก็ได้แสดงให้เห็นว่า ตัวหนังทำหน้าที่เหมือนเป็นพื้นผิวจอภาพ ที่สะท้อนแง่มุมหนึ่งของชีวิตด้วยพล็อตเรื่องอันแปลกใหม่ และหนังเรื่องนี้เองก็ได้ทำหน้าที่ในสไตล์งานของนวพลที่ผ่าน ๆ ซึ่งเน้นให้เห็นถึงวิธีการทางภาพยนตร์ในแบบกวน ๆ ราวกับหนังเรื่องนี้เป็นคอลเลคชั่นรวบรวมประสบการณ์การดูหนัง ที่เชื่อมโยงถึงเรื่องราวอื่น ๆ ในชีวิตจริง
