พร็อพ (Prop) และเครื่องแต่งกาย สองสิ่งที่เป็นเหมือนส่วนเสริมสำคัญ ทำให้ตัวละครในหนังเรื่องนั้น ๆ มีแครักเตอร์ชัดเจนเป็นภาพจำ อีกทั้งยังบอกเล่าไปไกลถึงว่าตัวละครเหล่านั้นเป็นคนอย่างไร ชอบอะไร สะท้อนแง่มุมส่วนตัว ที่เชื่อมโยงถึงหนัง ขับเคลื่อนเรื่องราวไปได้จนสุดทาง ถึงขั้นที่ในบางครั้ง ผู้กำกับมากหน้าหลายตา ได้หยิบเอาเสื้อผ้าหรือพร็อพประจำตัวของตัวละคร มาเป็นแกนกลางสำคัญของเรื่องเลยก็ว่าได้ และเหนือไปอีกขั้นก็คือ ตัวละครบนพร็อพและเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ ได้กลายมาเป็นตัวแทนผู้คน หากตัวละครเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เรานึกถึงตัวเอง พวกเขาก็ทำให้เราได้นึกถึงใครบางคนที่เราคุ้นเคย ที่มีชีวิตอยู่ในโลกความจริง ..

เมื่อพูดถึงตัวละครที่สร้างภาพจำในหนังผ่านเสื้อผ้าและพร็อพอันโดดเด่น ที่พ่วงมาด้วยสีสันสดใส เด้งโดดขึ้นมาในหัวทันทีในทุกครั้งที่นึกถึง หนึ่งในผู้กำกับไทยที่แม้จะมีการเปลี่ยนวิธีการเล่าเรื่องในแนวทางใหม่ ๆ อยู่เสมอ แต่ยังคงเอกลักษณ์ส่วนตัวผ่านความหลากหลายของเรื่องเล่า รวมถึงการสร้างภาพจำให้ตัวละคร ทำให้ผู้ชมสามารถยึดโยงกับหนังได้เพียงแค่เห็นในแวบแรก คนนั้นก็คือ ‘เต๋อ–นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์’ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ คงเป็นหนังเรื่องล่าสุดที่เพิ่งเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาอย่าง ‘Fast & Feel Love เร็วโหด.. เหมือนโกรธเธอ’ กับหมวกสีแดงเลือดหมูคู่ใจของ เกา นักกีฬาเรียงแก้ว Stacking ตัวละครเอกของเรื่อง ที่เขียนว่า ‘Bomb on Bus’ ล้อกับความเป็นหนังแอคชั่นที่มาพร้อมธีมการแข่งขันสู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับ 

เกา บนหมวกประจำตัวของเขา คือตัวแทนของคนที่รักในสิ่งที่ตัวเองทำอย่างสุดขั้ว และยอมมอบเวลาทั้งหมดที่มี ทุ่มเทให้กับสิ่งที่รักจนไม่สนโลกภายนอก ย่ิงในโลกที่เราทุกคนต้องแข่งขันกับเวลาแบบนี้ เชื่อว่าผู้อ่านไม่น้อย คงต้องเคยเจอกับคนแบบเกาบ้างอย่างแน่นอน

เมื่อพูดถึง Fast & Feel Love มาแล้ว จึงขอย้อนไปถึงหนังเรื่องเก่า ๆ ของ เต๋อ–นวพล .. สิ่งที่พ่วงมากับตัวละครในหนังเสมอก็คือ พร็อพสิ่งของที่ทำให้เรานึกถึงหนังตามไปด้วย อย่างใน 36 หนังนิ่งช้า เรียลลิสติก ว่าด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ของหนุ่ม-สาวคนหาโลเคชั่นถ่ายหนัง และอดีตที่ถูกส่งผ่านภาพในกล้องคอมแพค ด้วยความที่ตัวแทนของความทรงจำ ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านภาพในกล้องคอมแพค ภาพเหล่านั้นจึงเป็นเหมือนตัวแทนของตัวละคร ที่เชื่อมโยงคนสองคนและอดีตของพวกเขาเข้าด้วยกัน ยิ่งเมื่อภาพถ่ายคือสิ่งที่ตอกย้ำถึงอดีต กล้อง จึงเป็นสัญลักษณ์แทนช่วงเวลาที่หยุดนิ่งขณะกดชัตเตอร์ได้เป็นอย่างดี

ต่อมาถึงหนังที่เน้นองค์ประกอบศิลป์แบบสุดขั้ว อย่าง MARY IS HAPPY, MARY IS HAPPY หนังสุดฮิปเตอร์ในดวงใจใครหลาย ๆ คน ที่ปล่อยออกมาในปี 2013 .. แล้วเมื่อพูดถึงหนังเรื่องนี้ ทุกคนนึกถึงอะไรเป็นอันดับแรก?

เสื้อผ้าของ แมรี่ และ ซูริ เด็กสาววัยมัธยมขี้เบื่อสองคนที่มีชีวิตสับสนวุ่นวายและข้อสงสัยต่อโลกเต็มไปหมด ถูกออกแบบอย่างคลุมธีมด้วยเสื้อยืด ‘SCHOOL 1983’ สีขาว กับกางเกงขาสั้นสีแดงคล้ายกับชุดพละโรงเรียน สร้างความโดดเด่นให้แครักเตอร์สองสาวจนกลายมาเป็นหนึ่งในภาพจำที่ชัดเจนที่สุดให้กับตัวหนัง ลามมาถึงการเป็นไอเท็มยอดนิยมของเหล่าวัยรุ่นคนฮิป ที่แต่งตัวกันง่าย ๆ แต่มีสไตล์น่าจับตามอง เหนือไปกว่านั้น แมรี่ ยังเป็นตัวแทนของเด็กสาวเยาวรุ่นในยุคแรกเริ่มของอินเทอร์เน็ต ที่มักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับทวิตเตอร์ แพลตฟอร์มออนไลน์ 150 ตัวอักษร เพื่อบ่นเรื่องราวสัพเพเหระที่พวกเขาเจอในชีวิตประจำวัน และใช่ แมรี่ไม่ได้มีคนเดียว แพลตฟอร์มทวิตเตอร์ การแต่งตัว และวิธีการแสดงออกของสองตัวละครเอกในเรื่อง ได้เชื่อมโยงกับเด็กหนุ่มสาวในชีวิตจริงที่มีไลฟ์สไตล์แบบเดียวกัน สิ่งนี้อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญ ทำให้หนังเน้นอาร์ตไดเรคชั่นที่ชื่อ MARY IS HAPPY, MARY IS HAPPY ยังคงครองใจผู้ชมได้จนถึงทุกวันนี้

เมื่อเทียบกับหนังฟิคชั่นเรื่องต่อมาที่สร้างกระแสความป๊อบในโลกออนไลน์ ตรงใจชาวฟรีแลนส์เข้าอย่างจัง ‘ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ’ เต๋อ-นวพล ก็ยังคงเอกลักษณ์ในการสร้างภาพจำให้ตัวละครอีกเช่นเคยผ่านตัวละคร ยุ่น และเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงินตัวเก่าของเขา แม้ว่าเสื้อที่ยุ่นสวมใส่จะเป็นเสื้อสุดแสนธรรมดา แต่เสื้อตัวนี้ก็บ่งบอกความเป็นชายหนุ่มที่ไม่สนใจดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี แล้วเหล่าฟรีแลนส์ที่เข้ามาอ่านบทความนี้ล่ะ มีเสื้อหรือไอเทมคู่ใจเป็นของตัวเองกันบ้างหรือไม่

ในส่วนของ ‘ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ’ หนังในปี 2019 ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวอีเวนต์การโละของในบ้านทิ้งครั้งใหญ่ของ จีน เพื่อเตรียมสำหรับการรีโนเวท แต่การทิ้งกลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อเธอพบกับของบางอย่างที่ทำให้นึกถึงแฟนเก่า เต๋อ-นวพล ก็ไม่ลืมใส่กิมมิกภาพจำผ่านโปสเตอร์หนังด้วย ถุงมือทำความสะอาดสีเหลือ จนเป็นที่จดจำให้ตัวหนังด้วยเช่นกัน