(บทความชิ้นนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)
การกลับมาสู่จอภาพยนตร์อีกครั้งของ วาคิน ฟีนิกซ์ ในบทบาท จอห์นนี่ ลุงใหญ่ใจดีจาก C’mon C’mon ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดถัดจากผลงานชิ้นก่อนหน้าอย่าง 20th Century Women (2016) โดยผู้กำกับ ไมค์ มิลส์ ที่ปลุกปั้นเรื่องราวอันแสนธรรมดาออกมาได้อย่างกินใจและเข้าใจในความต่างระหว่างยุคสมัยเรื่อยมา คราวนี้ถึงตาของบทสนทนาอันแสนเรียบง่าย และเรื่องราวระหว่างคนสองรุ่นอายุ ที่ร้อยเรียงอย่างงดงาม สร้างความน่ารัก น่าประทับใจให้ผู้ชมได้ไม่น้อย
หนูว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไงบ้าง? อเมริกาที่หนูอยากเห็นเป็นยังไง?
เสียงบทสัมภาษณ์จากเด็ก ๆ มากมายทั่วอเมริกา ถูกเรียงร้อยต่อกันในเทปคาสเซ็ทที่ จอห์นนี่ คอยตามไปพูดคุย รับฟัง และปล่อยให้เหล่าเด็ก ๆ จากพื้นฐานชีวิตและสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน ได้เล่าถึงความคิดของพวกเขาที่มีต่อโลกที่ตัวเองอยู่ แต่นี่เป็นเพียงแค่เซทอัพอาชีพของตัวละคร จอห์นนี่ เท่านั้น เพราะในความเป็นครอบครัว เขากลับมีฉากหลังในชีวิตที่ไม่ได้สวยหรูนัก
การต้องรับเลี้ยงหลานสุดแสบอย่าง เจสซี่ (วูดดี นอร์แมน) จึงไม่ใช่งานยากเพียงอย่างเดียว แต่ยังท้าทายให้เขาได้กลับมามองชีวิตตัวเอง และเผชิญหน้ากับอดีตอันเจ็บปวดอีกครั้ง เพราะการเป็นนักสัมภาษณ์ ที่เดินทางไปพบปะเด็ก ๆ ถามไถ่เรื่องราวของพวกเขาเพียงแค่ชั่วคราวนั้น ต่างจากการต้องอยู่กับหลายชายวัยซนตลอด 24 ชั่วโมง โดยสิ้นเชิง
นอกจากบทสัมภาษณ์ของเด็กรุ่นใหม่ที่ตอบคำถามอย่างชาญฉลาด แสดงให้เห็นว่าพวกเขามองโลกในอนาคตอย่างรอบด้าน ครอบคลุมตั้งแต่ประเด็นยิบย่อยไปจนถึงสิ่งที่ใหญ่กว่านั้น ในหนังเรื่องนี้ ไมค์ มิลส์ ยังแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างคนสองรุ่นอายุ ที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน เห็นได้ชัดจากตัวละคร เจสซี่ เด็กวัยประถมต้นที่แม้จะได้รับความรักจากแม่ของเขาอย่างเต็มเปี่ยม แต่เขาก็รับรู้ถึงปัญหาความสัมพันธ์ของคนในบ้านอย่างชัดเจน ทว่า ปัญหาเหล่านั้นกลับกลายเป็นความกังวลของผู้ใหญ่มากกว่าตัวเด็ก เพราะผู้ใหญ่มักจะเก็บงำสิ่งต่าง ๆ ไว้ภายใน โดยกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นปมด้อยของลูกหลานของพวกเขา แต่แท้จริงแล้ว เด็กรุ่นใหม่กลับรับรู้ถึงปัญหาเหล่านั้นเป็นอย่างดี และเจสซี่เองก็แสดงให้เห็นว่า เขายอมรับได้ หากพ่อแม่บอกเขาอย่างตรงไปตรงมา ในขณะเดียวกัน ตัวละคร จอห์นนี่ ก็ต้องเจอกับคำถามของหลานตัวแสบ ที่พูดคุยกับเขาอย่างหมดเปลือก ใสซื่อ และจริงใจ ถึงชีวิตที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน
ในเนื้อเรื่องที่สุดแสนธรรมดานี้ ไมค์ มิลส์ ได้ถ่ายทอดความอบอุ่น ที่อบอวลไปด้วยอารมณ์ขัน ความสุข ความเศร้า ความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ภายในสองตัวละครจากสองรุ่น ออกมาได้อย่างตราตรึงใจ ผ่านภาพสีขาวดำที่เน้นย้ำว่า เรื่องราวทั้งหมดจะกลายมาเป็นความทรงจำอันสวยงามในวันข้างหน้า หากคำถามของเด็ก ๆ ประถม ที่กำลังเฝ้ารออนาคตพวกเขาอยู่คือ ‘พวกเขาจะเป็นอย่างไรในโลกที่ทุกสิ่งเดินไปอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยปัญหามากมาย’ สิ่งที่เด็กคาดหวังกับผู้ใหญ่รุ่นพ่อแม่ ก็คงเป็นความหวังที่ว่าพ่อแม่ของเขา จะปลดปล่อยตัวเองจากอดีต เพื่อพาปัจจุบันที่มีเหล่าเด็ก ๆ อยู่เคียงข้าง ก้าวข้ามวันเวลาไปสู่อนาคตพร้อม ๆ กัน แม้สังคมจะเปลี่ยนไปทางไหนก็ตาม
ตัวอย่างภาพยนตร์ C'mon C'mon