อะไรกันนะ..ที่ทำให้เขาคนนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกนอกเหนือจากหนวด 10 โมงของเขา และมีผลงานที่เปลี่ยนแปลงแนวคิดศิลปะไปตลอดกาล เรายกตัวอย่างบางชิ้นงานที่เราเชื่อว่าต้องเคยผ่านตามาอย่างแน่อน ให้ทุกคนได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น
The Persistence of Memory (1931)
ความคิดและความเชื่อที่วัตถุมีความแข็ง ถูกท้าทายด้วยความหมายใหม่ นาฬิกาสามเรือนอ่อนปวกเปียกไหลละลายเหมือนชีส หรือที่ดาลีเรียกว่า “กามองแบร์แห่งเวลา” เมื่อเวลาไม่มีความหมายอีกต่อไป ความยั่งยืนในสิ่งใดไม่เหลืออยู่ แม้กระทั่งมดที่รุมกัดกินนาฬิกาเอง เปรียบเหมือนความเน่าเสียที่เกิดขึ้นได้กับสิ่งที่เราคิดว่ามั่นคงตลอดไป เสี้ยวหน้าปรักหักพังกองอยู่กลางพาดด้วยนาฬิกาละลายเหมือนเป็นตัวแทนของศิลปินเองในภาพนี้
The Persistence of Memory คือผลงานที่โดดเด่นที่สุดของ Dali แสดงถึงแก่นแท้ทฤษฎี Surrealism อย่างชัดเจนที่สุดและมักจะถูกใช้เพื่อเป็นตัวอย่างภาพยุค Surrealism อยู่เสมอ โดยตัว Dali เองวาดภาพนี้ในวัยเพียง 27 ปีเท่านั้น
Lobster Telephone (1936)
"I do not understand why, when I ask for a grilled lobster in a restaurant, I am never served a cooked telephone”
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเวลาฉันสั่งล็อบสเตอร์ในร้านอาหาร เขาไม่เคยเสิร์ฟโทรศัพท์สุกๆ ให้ฉันเลย”
นี่คือผลงานวัตถุ Surrealism ที่ชัดเจนที่สุด เพราะมันเป็นการเชื่อมต่อของสองสิ่งที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย วัตถุแบบนี้แหละที่ Dali เชื่อว่าบ่งบอกถึงความปรารถนาที่อยู่ในจิตใต้สำนึก
ก่อนหน้านี้ Dali มีการใช้ล็อบสเตอร์และโทรศัพท์ในผลงานศิลปะของเขาอยู่หลายครั้ง อย่างล็อบสเตอร์เองก็มักถูกใช้เพื่อแสดงเกี่ยวกับความสุขและเจ็บปวดที่เกิดจากความรู้สึกทางเพศ
Galatea of the Spheres (1952)
สุดดวงใจใครเล่าจะเท่าเมียคนนี้ Gala Eluard Dali ผู้ซึ่งเป็นที่สุดแห่งแรงบันดาลใจให้กับ Dali
จริงๆ แล้วภาพวาดของ Gala นั้นมีจำนวนหลายชิ้นตลอดชีวิตของ Dali แต่ภาพนี้ไม่เหมือนชิ้นอื่นๆ จากความสนใจเกี่ยวกับ “Nuclear Mysticalism” หรือว่า เวทย์มนตร์พลังนิวเคลียร์ ในยุคที่ dali เริ่มใช้วิทยาศาสตร์เพื่อให้เหตุผลกับความเชื่อศาสนา ร่างของ Gala แตกออกมาเป็นรูปทรงกลม เหมือนกลุ่มก้อนอะตอมอันเป็นสสารของทุกอย่างในชีวิต และความแม่นยำด้าน perspective ที่ทำให้ Gala ในภาพนี้แลดูมีมิติ
ชื่อ Galatea เป็นชื่อของนางพรายน้ำ ที่มีความดีงามและคุณธรรม และเชื่อมโยงกับตำนานเทพปกรณัม Pygmalion and Galatea เรื่องราวของศิลปินที่หลงรักงานปั้นของตัวเอง
รักเมียกว่านี้ไม่มีอีกแล้วล่ะ
Chupa Chups Logo (1969)
กินกันมาตั้งแต่เด็ก แต่รู้มั้ยว่าโลโก้ Chupa Chups ที่เราเห็นนั้น คือการออกแบบของ Salvador Dali เลยนะ !
เรียกว่าเป็นศิลปินที่รับงานหลากหลายจริงๆ เมื่อบริษัทผลิตอมยิ้มสัญชาติสเปน Chupa Chups ให้ Dali เป็นผู้ออกแบบ rebrand โลโก้ให้เมื่อปี 1969 และเจ้าโลโก้เหลืองแดงนั้น ก็ยังใช้อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ เรียกว่าศิลปะอยู่ในชีวิตประจำวันของเราเหมือนกันนะเนี่ย
Mae West Lips sofa (1937)
Mae West ดาราสาวคนงาม ใครจะไปคิดหนอว่าวันนึงเธอจะเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปิน Salvador Dali ผลิตชิ้นงานศิลปะด้วยแรงบันดาลใจจากความสวยของเธอ
เรียกว่าสวยสะกดใจกันไปเลย ขนาดที่ Dali ใช้ภาพของ Mae West ในนิตยสาร มาประกอบร่างใหม่กลายเป็นภาพวาดแบ่งสัดส่วนหน้าเธอเปรียบเหมือนเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในห้อง ที่เมื่อรวมแล้วจะได้หน้า Mae West แบบเป๊ะๆ แต่หลังจากได้การโน้มน้าวทุนสนับสนุนจากเพื่อนนักสะสมงาน Surrealism ‘Edward James’ ริมฝีปากอวบอิ่นน่ายั่วยวนนั้นจึงกลายมาเป็นเป็นโซฟานุ่มนิ่มฉ่ำสีลิปสติกสีแดงแบบนั่งได้จริงๆ
แอบใบ้ว่า โซฟานี้ก็มีที่ Dali Theatre Museum ด้วยเหมือนกัน เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งดาวเด่นอยู่ในห้องสุดพิเศษ ไฮไลท์ของที่พิพิธภัณฑ์เลยทีเดียว