133365567_233369051639810_5507535275234677784_n.jpg

‘ความหวานที่มีวันหมดอายุ’ ความหมายซ่อนนัยของสับปะรดกระป๋องใน Chungking Express

Post on 30 May

แม้จะเลยอายุครบเบญจเพสมาแล้ว แต่หนังที่ว่าด้วย 2 เรื่องราวของ 4 คนเหงาในเมืองใหญ่อย่าง Chungking Express ของผู้กำกับ Wong Kar-wai ก็ยังคงเป็นหนังขึ้นแท่นในใจของใครหลายคน ที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีแฟน ๆ ติดตามและพูดถึงไม่หยุดหย่อน พิสูจน์ด้วยการกลับมาเข้าฉายในโรงหนังบ้านเราด้วยระบบ 4K ในเดือนนี้ แล้วก็ยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้ชมที่ตีตั๋วเข้าไป ‘กระทำความหว่อง’ กันแบบแน่นโรง

Chungking Express ถือกำเนิดมาจากการเป็นหนังคั่นเวลาระหว่างที่หว่องพักกองหนังเอพิกกำลังภายใน Ashes of Time (1994) เป็นเวลา 2 เดือน (เพราะเครียดมามากแล้วในการทำหนังพล็อตหนักอย่าง Ashes of Time หว่องจึงเขียนบทหนังโรแมนติกพล็อตเบา ๆ เพื่อเป็นการคลายเครียด อันเป็นที่มาของ Chungking Express ที่เขียนบท ถ่ายทำ ตัดต่อ และปล่อยฉายภายในระยะเวลาแค่ 2 เดือนที่พักกองหนังใหญ่) แต่ผลตอบรับที่ไ้ด้รับกลับมาจากผู้ชมและนักวิจารณ์กลับยิ่งใหญ่กว่าการเป็นหนังคั่นเวลา Chungking Express ได้รับการยกย่องในแง่ของการใช้ภาพและสไตล์อันเจนจัดอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาในการนำเสนอความรู้สึกไม่มั่นคงและหลงทางจากการสูญสลายของตัวตน ซึ่งเป็นความรู้สึกร่วมของคนฮ่องกงที่ต้องปะทะกับคลื่นของวัฒนธรรมบริโภคนิยมและวัฒนธรรมตะวันตก

หนึ่งในสัญลักษณ์ที่หว่องใช้ในการนำเสนอความรู้สึก ‘หลงทาง’ (Lost) ของตัวละครใน Chungking Express ก็คือ สับปะรดกระป๋อง ที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์ภาพจำของหนัง เว็บไซต์ virtualfeast.net ที่นำเสนอเรื่องราวของเมนูอาหารในภาพบนตร์ได้นำเสนอว่า ใน Chungking Express ‘อาหาร’ แต่ละเมนูที่ตัวละคนทั้งหญิงและชายบริโภค ก็คือสัญลักษณ์ที่สะท้อนความรู้สึกเศร้าเหงาในเรื่องความรักของตัวละคร ที่เด่นชัดก็คือสับปะรดกระป๋องที่ตัวละคร Cop 223 (แสดงโดย Takeshi Kaneshiro) หมกมุ่นหลงใหล โดยสับปะรดกระป๋องเป็นสัญลักษณ์แทนความรักในยุคโมเดิร์น ที่มีรสชาติหวานแบบปลอม ๆ มีเอาไว้ให้กินเอาอิ่มมากกว่ากินเพื่อความรื่นรมย์ และที่สำคัญ มีวันหมดอายุ

สับปะรดกระป๋องเป็นของโปรดของ May หญิงคนรักที่บอกเลิก Cop 223 ในวันที่ 1 เมษายน หรือวันเมษาหน้าโง่ (April’s Fool Day) ซึ่งทำให้เขาคิดว่าเธออาจแค่ล้อเขาเล่น เขาจึงตัดสินใจรอ 30 วันก่อนจะมูฟออน เผื่อว่าเธอจะกลับมาหาเขาในวันใดวันหนี่ง ระหว่างที่เฝ้ารอ เขาจึงกินสับปะรดกระป๋องซึ่งเป็นของโปรดของเธอทุกวัน ในที่นี้สับปะรดกระป๋องจึงทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความรักปลอม ๆ ที่ชายหนุ่มป้อนหลอกตัวเองว่าเธอยังไม่จากไป และเธอยังคงรักเขาอยู่และจะกลับมาหาเขาในสักวันหนึ่ง แต่ที่จริงแล้วความรักที่เขาคิดว่าเธอมีให้เขานั้นแท้จริงแล้วก็ไม่ได้มีความหมายพิเศษอันใด ก็เหมือนกับสับปะรดกระป๋องที่หาได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อ มีอายุอยู่แค่ชั่วเวลาหนึ่ง และให้คุณค่าทางสารอาหารและพลังงานปลอม ๆ เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตไปวัน ๆ

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันครบกำหนด 1 เดือนที่เขาจะเฝ้ารอเธอใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ Cop 223 ก็พบว่ารสชาติของสับปะรดกระป๋องที่เขาซื้อมาเริ่มแย่ลงทุกที กระทั่งวันที่ 30 เมษายน เขาก็ไม่สามารถหาซื้อสับปะรดกระป๋องที่มีวันหมดอายุเป็นวันที่ 1 พฤษภาคมได้อีกต่อไป เพราะเจ้าของร้านเก็บทิ้งไปหมดแล้ว ซึ่งการที่ Cop 223 ต่อว่าผู้จัดการร้านที่โยนสับปะรดกระป๋องทิ้งไปโดยไม่เห็นคุณค่า ก็เป็นการเปรียบเทียบสินค้าในโลกสมัยใหม่ที่เน้นบริโภคนิยม ที่ทุกอย่างมาเร็วไปเร็ว ฉาบฉวย เหมือนกับความรักในยุคสมัยนี้ที่ทุกคนต่างผ่านเข้ามาในชีวิตใครคนหนึ่งแล้วก็ผ่านไป ไม่ไยดีต่อคุณค่าและเวลาที่ทุ่มเทลงไปในความสัมพันธ์ เมื่อ Cop 223 กินสับปะรดกระป๋องหมดอายุที่ผู้จัดการร้านยกให้เขาทั้งหมด เขาก็อาเจียนมันออกมาทั้งหมด อาการขย้อนของเสียของชายหนุ่มก็สะท้อนถึงพิษภัยจากความรักหมดอายุที่ไม่ส่งผลดีต่อร่างกาย ในขณะที่ปากและลิ้นซึ่งเป็นอวัยวะในร่างกายที่รับความโรแมนติก (การจูบ) รับเอาความหวานเข้ามา ระบบย่อยอาหารที่อยู่ที่ท้องซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในระบบร่างกายที่ทำให้มนุษย์มีชีวิตต่อไป กลับขย้อนความหวานที่เป็นของเสียนั้นออกมาทั้งหมด สุดท้ายแล้วเมื่อความรักเป็นพิษ เราก็ต้องกำจัดมันออกไป และทำท้อง (หัวใจ) ให้ว่างไว้สำหรับความรักครั้งใหม่ที่จะเข้ามา

เมื่อ Cop 223 ตั้งเป้าหมายว่าจะตกหลุมรักผู้หญิงคนต่อไปที่เขาพบ มันก็นำพาเขาไปสู่ความสัมพันธ์ข้ามคืนที่เช้ามาเธอก็จากไป เมื่อเปรียบกับสับปะรดกระป๋อง ความรักในโลกสมัยใหม่ก็เหมือนกับอาหารกระป๋องที่มีช่วงเวลาของมัน และเราต้องตักตวงจ้วงกินความรักนั้นในช่วงเวลาที่กำหนดก่อนวันหมดอายุจะมาถึง และเมื่อมันหมดอายุ เราก็ต้องหาความรักครั้งใหม่ สับปะรดกระป๋องของหว่องจึงทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์แทนความรักความสัมพันธ์ในโลกยุคใหม่ที่มีวัฏจักรตายตัว เมื่อหมดเวลา ก็ต้องหามาเติมเต็มให้ตัวเองใหม่ วนอย่างนี้อยู่เรื่อยไป และก็เป็นผู้บริโภคเองที่ต้องหาคำตอบว่า ความรักนั้นจะหมดอายุเมื่อไหร่ หรือมันจะยืดยาวนานไปตลอดกาลได้ไหม ซึ่งก็เป็นคำถามที่หว่องทิ้งไว้เป็นคำถามปลายเปิดในหนัง Chungking Express เรื่องนี้

อ้างอิง: 
Virtualfeast
Wikipedia