101277288_146415440335172_6031001946150666240_n.jpg

ความป๊อปนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย 5 งาน pop culture ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Versailles

Post on 30 May

พระราชวังแวร์ซายส์กลายเป็นหมุดเช็คอินต้องไปให้ได้ในชีวิตของใครหลายๆ คน เพราะเราต่างโตมาพร้อมกับภาพจำความวิจิตรอลังการไม่เหมือนพระราชวังที่ไหนในโลก เป็นตัวแทนที่สุดแห่งความหรูหรา ร่ำรวยของสถาบันกษัตริย์ฝรั่งเศส แถมยังแอบซ่อนในสื่อชีวิตประจำวันของเราอยู่หลายๆ ครั้งอีกด้วย

GroundControl ขอคัดเลือกมา 5 งานป๊อปๆ ที่เกิดขึ้นทั้งจากแรงบันดาลใจและเกิดขึ้นภายในพระราชวังแวร์ซายส์ มีทั้งความหลากหลายในเนื้อหา แบบข้ามยุคข้ามสมัย เพื่อเชื่อมต่อกับคนรุ่นใหม่ และทั้งหมดนี้.. เกิดขึ้นจากการให้ความร่วมมือของแวร์ซายส์ทั้งสิ้น ไม่เปรี้ยวก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว !
 

กุหลาบแวร์ซายส์, 1972

สายการ์ตูนตาหวานเป็นต้องคุ้นเคย ภาษาญี่ปุ่นเต็มๆ คือ ベルサイユのばら แต่ชาวเราน่าจะเรียกกันคุ้นปากว่า ‘กุหลาบแวร์ซายส์’ เขียนเรื่องโดย ริโยโกะ อิเคดะ ก็ต้องเคยมีแอบกรี๊ดนางเอก (หรือพระเอก) เลดี้ออสการ์กันบ้างแหละ 

อายุอานามโดยรวมของกุหลาบแวร์ซายส์นั้นก็ไม่ค่อยจะน้อยนัก พูดตรงๆ คือเริ่มตีพิมพ์กันมาตั้งแต่ปี 1972 แล้ว แต่ความคลาสสิคจากลายเส้นสวยงาม สาวๆ ตาโต หุ่นอ้อนแอ้น และความหวือหวาของฉากท้องเรื่อง ทำให้รุ่นไหนๆ ก็ยังอ่านสนุก มีทั้งแบบเวอร์ชั่นเป็นหนังสือและอนิเมชั่นให้ได้ติดตามกัน

เนื้อเรื่องเล่าตามตัวละครนามว่า 'ออสการ์ ฟรังซัวส์ เดอ จาร์เจ’ (หรือเรียกสั้นๆ ว่าเลดี้ออสการ์) ผู้ถูกเลี้ยงมาแบบผู้ชาย เพราะคุณพ่อไม่ปลื้มที่มีลูกสาว เกาะเรื่องไปกับยุคการปกครองของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มีตำแหน่งองค์รักษ์ประจำพระองค์ของพระนางมารีอองตัวเนต ตลอด 10 เล่ม จึงมีทั้งเรื่องราวประวัติศาสตร์ แซมด้วยรักชู้สาว และมิตรภาพ

ดังฮิตแค่ไหนถามใจเธอดู เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ดังแค่เอเชียเท่านั้น แต่ข้ามไปไกลทั้งอเมริกาและยุโรปด้วย ดังมากขนาดที่ว่า Jacques Demy ผู้กำกับภาพยนตร์ French New Waves (คอหนังต้องจำได้ เจ้าของผลงานอย่าง The Umbrellas of Cherbourg และ The Young Girls of Rochefort)
เคยทำหนังจากเรื่องนี้แถมยังได้ไปถ่ายทำที่โลเคชั่นจริง แวร์ชายส์จริง อีกด้วย ถ้าใครอยากรู้ว่ามันออกมาหน้าตาเป็นยังไงนะ กด search “Lady Oscar” ใน YouTube ได้เลย
 

Marie Antoinette, 2006

ตอบโจทย์ความฝันของสาวๆ กับการตีความชีวประวัติแบบใหม่ในแบบของ Sofia Coppola ออกมาเป็นสีสันพาสเทล ประกอบเพลงร็อคเท่ๆ ขึ้นหิ้งเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ชีวประวัติที่เท่ที่สุดไปแล้ว 

Marie Antoinette เล่าเรื่องช่วงชีวิตของพระนางมารีอองตัวเนต ในช่วงที่เข้ามาอยู่บนพื้นแผ่นดินฝรั่งเศสในฐานะภรรยาวัยเยาว์ของ Louis Auguste (ซึ่งกลายมาเป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 16) จนถึงช่วงเจอการปฏิวัติฝรั่งเศส โดย Sofia เลือกที่จะเล่าผ่านมุมมองความวัยรุ่น ที่ทั้งคึกคะนองเกินกว่าจะสนสิ่งอื่นใด จนทำให้เราได้เห็นอีกมุมว่า หรือจริงๆ แล้ว เธอคนนี้นั้นก็มีความน่าสงสารดั่งวัยรุ่นทั่วๆ ไป ที่ถูกถาโถมและโยนทุกความรับผิดชอบมาให้เกินรับไหว

เพราะความ Sofia ที่ใส่ความวัยรุ่นให้กับ Marie Antoinette การตีความใหม่ครั้งนึงจึงโดนใจคนยุคนี้เป็นพิเศษ ได้ทั้งความเข้าใจและเข้าถึงแบบที่เราไม่ค่อยได้เห็น ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้รับการร่วมมืออย่างดีจากทีมพระราชวังอีกด้วย Sofia อยากถ่ายมุมไหนก็จัดได้ คือเรียกว่าเป็นครั้งแรกที่เปิดวังให้ถ่ายแบบเต็มที่เลย แทบไม่ต้องเข้าสตูดิโอเลยทีเดียว

Murakami Versailles, 2010

ใครจะไปคิด ว่าวันนึงจะมีศิลปินญี่ปุ่นสุดป๊อปไปมีผลงานจัดแสดงใจกลางพระราชวังแวร์ซายส์

เขาคนนี้ทำมาแล้ว Takashi Murakami ในปี 2010 โดยจัดแสดงผลงานทั้งหมด 22 ชิ้น รวมไปอีก 11 ชิ้นที่ทำขึ้นมาใหม่เพื่อนิทรรศการที่นี่โดยเฉพาะ ผลงานแนว superflat อันขึ้นชื่อของเขา ได้ถูกนำมาวางแสดงทั่วพระราชวัง มีทั้งผลงานชิ้นใหญ่แบบ sculpture ภาพวาด และงานวิดีโอ

ความพิเศษที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือความตรงข้ามกันสุดขั้วในห้องเดียวกัน ระหว่างความทองอร่ามวิจิตรบรรจงแบบยุโรป กับงานป๊อปตาโตแบบมังงะจากฝั่งเอเชีย ยืนประจันหน้ากันอย่างไม่เกรงกลัวซึ่งกันและกัน เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานที่สร้างความหวือหวาและเรียกนักท่องเที่ยวได้อย่างมากมาย 

แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยกันการจัดแสดงงานแบบนี้ เพราะในช่วงเวลาเดียวกันสายรอยัลลิสต์ถึงกับจัดทำการร้องเรียนเวอร์ชั่นออนเไลน์ “Versailles, Mon Amour” เพื่อต่อต้านการนำศิลปะ “ป๊อปๆ” มาอยู่ในพื้นที่ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ขนาดนี้ 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่มีการจัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยใน Versailles ก่อนหน้านี้ในปี 2008 ก็มี Jeff Koon และต่อมาในปี 2015 กับ Anish Kapoor 

Dior’s Secret Garden, 2015

นอกจากจะถูกจัดเป็นสถานที่แสดงงานแฟชั่นโชว์เป็นครั้งคราว ที่พระราชวังแวร์ซายส์ยังเป็นหมุดหมายให้กับมิวสิควิดีโอและแฟชั่นฟิล์มให้อยู่หลายครั้ง

หนึ่งใน campaign ที่น่าจะแซ่บที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นชีคนนี้ Rihanna กับ Dior’s Secret Garden ปี 2015 เดินฟาดๆ ในพระราชวังแวร์ซายส์ ให้เราได้แอบส่องพระราชวังนี้ในแสงยามค่ำคืน มาทั้งเวอร์ชั่นภาพนิ่งและวิดีโอ ถ่ายโดยช่างภาพชื่อดัง Steven Klein

การเปิดตัว Rihanna ครั้งนี้ คือครั้งแรกที่สาวแอฟริกันอเมริกันมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์เก่าแก่ของฝรั่งเศส เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งทิศทางความกบฏแหวกจากขนบเดิมของ high fashion การที่ Dior เลือก Rihanna มาเป็น muse นั้นก็เหมือนการแสดงจุดยืนสำหรับ Dior รุ่นใหม่เช่นกัน ดังนั้น เอาให้ชัด เอาให้ดัง ก็ต้องถ่ายที่พระราชวังแวร์ซายส์ไปเลย !

 

Versailles Electro, 2019

ในวันที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 สร้างพระราชวังนี้ขึ้นมา เคยมีประวัติการจัดปาร์ตี้แบบอู่ฟู่ข้ามวันข้ามคืนอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ถ้าเขามาเห็นทุกวันนี้ คงต้องขยี้ตากันอีกรอบ เพราะมันถูกพัฒนาให้มาไกลจนกลายเป็น electro party จุคนจนเต็มสวน !

หากคุณวางแผนจะไปฝรั่งเศสในช่วงเดือนพฤษภาคม (ไม่ใช่ปีนี้นะ) นี่คืออีกหนึ่งงานที่คุณไม่ควรพลาด เพราะเป็นการรวมตัวท้อปวงการ EDM ฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงระดับโลก เริ่มครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว (2019) ที่ทาง Versailles ไปชวนค่ายเพลง Ed Banger มาร่วมจัดปาร์ตี้กันในสวน Versailles กันไปเลย ปีนั้นเลยมีทั้ง Breakbot x Iffane, Busy P, So Me และอีกหลายดีเจ มาร่วมจัดปาร์ตี้จนพื้นพระราชวังสนั่น สาดแสงสีเต็มที่ไปทั่วพื้นที่พระราชวังกันเลยทีเดียว 

สำหรับปีนี้ติดโควิดจึงงดไปซะก่อน แต่แว่วว่าปีหน้ามีแน่ พ่วง headline จุกๆ ทั้ง JUSTICE, Imperatice, KITTIN, และ Busy P ใครชอบรสผสมนี้ จองตั๋วเลยตอนนี้มีแน่ปีหน้า 22 พฤษภาคม 2021 !

 

แล้วคุณล่ะ โตมากับแวร์ซายส์เวอร์ชั่นไหน เรารอให้คุณมาเม้าท์ด้วยกัน 
GroundControl (SS1) : Self-Quarantour LIVE ! ย้อนหลังครั้งที่ 3 
Chateau de Versailles นำเที่ยวโดยไกด์นักรบ มูลมานัส และ เอิร์ธ พีรพัฒน์