ถ้าจะมองหาร้านตัดแว่นสักร้าน คุณเลือกร้านนั้นจากเหตุผลอะไรกันบ้าง? ราคาดีโปรฯ ฉ่ำ, มีกรอบแว่นให้เลือกเยอะ, ไม่ต้องรอนาน ฯลฯ เหล่านี้อาจเป็นคำตอบของใครหลายคน
แต่ที่นี่ บนอาคารตึกเก่าแก่ชั้นสองใกล้ ๆ กับอาคารมหาทุนพลาซ่า ย่านเพลิตจิต ที่เรากำลังจะพาคุณขึ้นไป อาจไม่ได้ตอบโจทย์ในเรื่องปริมาณแว่นและความรวดเร็วในการทำ แต่พวกเขาพิเศษใส่ไข่เยอะเกินไปอีกมาก!
ARTY & FERN EYEWEAR ร้านแว่นคัสตอมเมด ที่หมายความว่าคุณสามารถมีส่วนในการออกแบบแว่นของคุณด้วยตัวคุณเอง สามารถรีเควสความต้องการได้แบบไม่ยั้ง แถมยังสามารถหยิบความหลงใหลส่วนตัวเขามาผสมผสานกับแว่นตาของคุณได้ด้วย
เราถึงได้กล้าบอกว่าที่นี่อาจไม่ตอบโจทย์เรื่องปริมาณและเร็วในการผลิตขนาดนั้น เพราะทั้ง เฟิร์น-อานิกนันท์ เอี่ยมอ่อง และ อาร์ต-ชนกันต์ อุโฆษกุล คู่รักสายดีไซน์สุดเท่ต้องการให้ร้านแว่นลับ ๆ บนตึกชั้นสองนี้เป็นสถานที่ที่เข้าใจมนุษย์แว่นทุกคน เพราะแว่นแต่ละชิ้นสามารถออกแบบให้เข้ากับรูปหน้าของเราได้อย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งถ้าเทียบกับความประณีตของแว่นแต่ละชิ้นและราคาที่แลกมาด้วยคุณภาพที่ (โคตร) จะดีแล้ว เราเชื่อว่าคุณก็อาจจะอยากเป็นเจ้าของแว่นที่ส่งตรงจากใจของทั้งอาร์ตและเฟิร์นก็ได้
วันนี้เราไม่ได้จะมาตัดแว่น แต่อยากจะพาทุกคนเข้าไปทำความรู้จักตัวตนของอาร์ตและเฟิร์นกับความหลงใหลที่พวกเขามีต่อร้านแว่นคัสตอมเมดเล็ก ๆ แห่งนี้ไปด้วยกัน ผ่านบทสนทนาที่เรียบง่ายของเฟิร์นที่นั่งคุยด้วยกันอย่างเมามันไปเกือบชั่วโมง ขณะที่ข้าง ๆ มีอาร์ตกำลังนั่งจดจ่ออยู่กับการเหลากรอบแว่นให้กับออเดอร์ของลูกค้า ซึ่งเชื่อไหมว่าแว่นแต่ละชิ้นที่ออกจากร้านพวกเขาไป คือฝีมือของอาร์ตและเฟิร์นแค่สองคน!

ลูกหลานร้านแว่นเก่าแก่อายุกว่า 40 ปี ที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดสานต่อ
เฟิร์น: เฟิร์นโตมากับธุรกิจร้านแว่นตา แต่ตอนยังเด็กภาพที่เรามองธุรกิจที่บ้านเฟิร์นคิดว่าไม่ใช่ทางเฟิร์นแน่นอน การที่จะวัดสายตา หรือไปเรียนด้านทัศนมาตรศาสตร์โดยเฉพาะ ก็เลยไม่ได้มีความคิดเลยว่าจะมาทําอะไรที่เกี่ยวกับแว่นในอนาคตค่ะ แต่ว่าเฟิร์นจบดีไซน์เพื่อการสื่อสารมานะ ส่วนอาร์ตก็เรียนคณะเดียวกันค่ะ มัณฑนศิลป์ ศิลปากร แต่อาร์ตเป็นสายครีเอทีฟโฆษณา
ซึ่งเหมือนว่าช่วงเรียนจบมันมีจังหวะที่ให้ได้รู้จักกัน เฟิร์นมารู้ทีหลังว่าอาร์ตเขาชอบแว่น เผลอ ๆ อาจจะมากกว่าเฟิร์นด้วยซ้ํา เขาก็ถามเฟิร์นว่าถ้าเขาจะเข้ามาเรียนรู้เรื่องการทำแว่นได้ไหม เขาอยากรู้ว่ากรอบแว่นตาทำยังไง เขาสนใจในส่วนนี้ แต่ตอนนั้นเฟิร์นก็ตอบไปแนวอ้อมไป ๆ สารภาพว่าไม่กล้าบอกว่าไม่รู้ หลังจากนั้นคำถามและความสงสัยของอาร์ตที่มาปรึกษาเฟิร์น ก็เลยทำให้เฟิร์นมองย้อนมาเหมือนกันว่าทำไมเราไม่เคยมีคำถามพวกนี้ในใจบ้างเลย หรือเราไม่เคยคิดในแง่ว่าจริง ๆ แล้ว แว่นมันคืองานดีไซน์ด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่มันอยู่ใกล้ตัวเรามาก
หลังจากนั้นปี 2013 ก็เลยเริ่มเอาแว่นเก่ามาลองดีไซน์ใหม่ ปรับเปลี่ยนสไตล์ ซึ่งชื่อ ARTY & FERN EYEWEAR ก็เริ่มมาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ตอนนั้นยังไม่มีหน้าร้าน เเละที่สำคัญทำไปสักพักเรารู้สึกว่ามันยังไม่ตอบโจทย์เพราะมันเป็นงานที่เราเอามาทำใหม่ ไม่ใช่งานที่เราเริ่มเอง เราก็เลยคุยกันว่างั้นต้องหาที่เรียนจริงจังก็เลยเริ่มมาตั้งแต่ตอนนั้น จากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว
เรียนทำแว่น…ทำไมต้องไปถึงฝรั่งเศส
เฟิร์น: จริง ๆ ก่อนตัดสินใจไปเรียนก็ดูไว้หลายที่ เพราะว่าศาสตร์การทําแว่นของแต่ละที่มันก็มีมายาวนาน ญี่ปุ่นก็มี แต่เราเลือกฝรั่งเศส ชื่อเมือง Morez เป็นเมืองประวัติศาสตร์แว่นเลยค่ะ คือมันไม่ใช่เมืองที่คนจะเข้าไปเที่ยว เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีภูเขาล้อมรอบ แล้วที่เมืองนี้เขาก็มีมิวเซียมแว่น ส่วนญี่ปุ่นเราคิดว่าเราก็ไปเที่ยวได้ง่ายกว่า ฝรั่งเศสมันดูหลุดจากโลกใบเล็ก ๆ ของเรา ด้วยความที่เมืองมันไกล อีกใจคืออยากไปเที่ยวด้วยแหละก็เลยเลือกที่นี่
เรียนจบกลับมาเปิดร้านเลยไหม
เฟิร์น: ทั้งเฟิร์นกับอาร์ตไม่ได้ไม่ได้คิดหรือมีไอเดียเลยด้วยซ้ําว่าไปเรียนกลับมาเปิดร้านทําธุรกิจ เพราะเราไม่ได้เก่งธุรกิจ เราไปเรียนเพราะนั่นคือสิ่งที่เราอยากรู้ตอนนั้น เหมือนไปหาคำตอบว่าแว่นทำยังไง เหมือนไปเรียนฮาวทูแค่นั้นเลย
แต่หลังจากไปนั่งเรียนก็เลยเกิดไอเดีย มันหลายอย่างที่ฟังแล้วก็รู้สึกแบบเราทำให้เรานึกถึงปัญหา ของคนใกล้ตัว ลูกค้า เพื่อน หรือแม้กระทั่งตัวเราเองว่า ทุกคนมีปัญหาเรื่องแว่น ทั้งในแง่ดีไซน์ โครงสร้างหรือขนาด แค่แวบนึงขึ้นมาค่ะว่าเหมือนเราเจอแล้วว่าสิ่งที่เรามาเรียนมันสามารถเอามาประกอบรวมกับเรื่องดีไซน์ที่เราเรียนมาได้ หลังจากเรียนคอร์สฮาวทูไปครึ่งปี ก็กลับมาและใช้เวลาหลังจากนั้นหนึ่งปีในการเปิดหน้าร้านจริงจัง เป็นร้านที่ค่อย ๆ เริ่ม ทั้งเรื่องอุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ รายละเอียดของร้านแว่นมันเยอะมาก
ลูกค้า (คนแรก) ในความทรงจำ
เฟิร์น: ยังพูดถึงกันอยู่ทุกวันนี้เลยค่ะ เมื่อปลายปีที่ผ่านมาเขาทักมาหาเฟิร์น ซึ่งมันเป็นอะไรที่แบบอยากร้องไห้ เพราะว่าเฟิร์นมีเก็บประวัติเเละรหัสลูกค้าไว้ ด้วยความที่ไม่ได้รับลูกค้าจำนวนเยอะ เฟิร์นจะจำลูกค้าได้หมด ซึ่งเราทำแว่นมาเป็นพันกว่าชิ้นแล้ว แต่ลูกค้าที่เขาทำแว่นรหัส 001 เขากลับมา มันเหมือนทำให้เราย้อนนึกและขอบคุณเขา จําชื่อ จําหน้าได้ด้วย เป็นลูกค้าที่มาด้วยโจทย์ที่แค่ต้องการแว่นที่พอดีกับหน้า เรียบง่าย ทรงเหลี่ยมกรอบสีดํา ไม่ได้มาด้วยดีไซน์หวือหวาอะไรเลย ซึ่งมันตรงกับสิ่งที่เราพยายามจะเล่าไปในตอนครั้งแรกที่เราเริ่มทําร้านด้วยค่ะ เพราะว่าตอนนั้นเรายังไม่ได้มีชิ้นงานเยอะพอที่จะเล่าสตอรีหรือว่าบอกว่ามันใส่ดีไซน์อะไรลงไปได้บ้าง เราแค่พูดไปแบบโต้ง ๆ ว่า “แว่นที่ออกแบบจากหน้าคุณ แว่นที่มาจากการวัดหน้าคุณ” ข้อความตรงนี้มันเลยอาจจะไปโดนใจลูกค้าที่อาจจะเจอแว่นที่ไม่พอดีกับเขา



หน้าที่ทำแว่นคือเธอ เซอร์วิสลูกค้าคือฉัน
เฟิร์น: อาร์ตจะรับหน้าที่เป็นฝ่ายโปรดักชันสำหรับการทำแว่นเลย คือจริง ๆ มันมีกันอยู่แค่นี้ (หัวเราะ) อาร์ตจะเริ่มงานตั้งแต่การออกแบบเลย ทุกชิ้นจะเป็นการวาดขึ้นมาใหม่ทั้งหมด อาร์ตเขาจะเข้าใจโครงสร้างอะไหล่ กี่มิลลิเมตร กี่องศา เพราะฉะนั้นคนที่จะออกแบบแว่นตอนที่ทำการออกแบบไป ไม่ใช่แค่ความสนุก สวยอย่างเดียว เรื่องโครงสร้าง สัดส่วนมันต้องอยู่ในหัวเหมือนฝังโปรแกรมลงไปด้วย
ส่วนเฟิร์นค่อนข้างทำกระจุกกระจิกมาก ๆ ทั้งสื่อสารกับลูกค้าด้วยภาพ ข้อความ คอนเทนต์ต่าง ๆ ทุกอย่างตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้เป็นสิ่งที่เขียนออกไปเองทั้งหมด แล้วก็งานดูแลลูกค้า การนัดคิว งานแอดมิน เฟิร์นอยากตอบเอง อยากจะตอบให้ยาวที่สุด อยากจะเล่าให้ละเอียดที่สุดให้ลูกค้าเข้าใจค่ะ จะบอกว่าเป็นมาร์เกตติงดูแลแบรนด์ดิ้งให้ออกมาดีที่สุดก็ได้
มีคนมาถามเหมือนกันว่า ทำไมเราไม่จ้างคนช่วย สำหรับเรา มันเคยเป็นหนึ่งในไอเดีย แต่เป็นแค่เสี้ยวเดียว เฟิร์นคิดว่ามันเป็นเรื่องความสุขในการทำงานมากกว่า อาจจะใช้คำว่าอินโทรเวิร์ตก็ได้ เราชอบทํางานแบบแบบนี้ อาจจะถนัดทำงานกันสองคน แล้วแทนที่เราจะจ้างงานเราก็เอาเงินส่วนนี้มาลงทุนกับเครื่องมือเครื่องจักรต่าง ๆ แทนให้มันอัปเลเวลขึ้นไปอีก
จะมาเป็นลูกค้าที่ ARTY & FERN EYEWEAR ต้องเตรียมอะไรบ้าง
เฟิร์น: อย่างแรกเลยคือเราอยากให้นัดมาก่อน ทางร้านจะไม่สะดวกรับลูกค้าหน้าร้านเลย เพราะเวลาส่วนใหญ่ที่ไม่ได้รับลูกค้า จะนั่งทำแว่นที่นี่เลย ทุกชิ้นทำเองหมดเลย หลังจากนัดมาแล้วก็จะมานั่งพูดคุยกันว่าโจทย์ความต้องการของลูกค้าคืออะไร หรือถ้าไม่มีโจทย์อะไรมาเลยก็บอกได้ว่า ชอบหรือไม่ชอบอะไร หรือว่าอาจจะเป็นปัญหาเรื่องขนาดหรืออะไรก็ได้สามารถแจ้งได้หมด ขั้นตอนนี้จะเป็นการคุย ให้ลูกค้าบรีฟ เพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด
คุยเสร็จเรียบร้อยก็จะเป็นขั้นตอนการวัดหน้า อาร์ตก็จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ หลังจากนั้นภายในประมาณหนึ่งสัปดาห์ เฟิร์นจะส่งงานที่ออกแบบให้ลูกค้า ซึ่งมันจะออกมาเป็นรูปหน้าเลย แบบเหมือนเขียนแบบลงบนขนาดจริง พอลูกค้าฟีดแบกปรับแก้แบบเสร็จก็จะเริ่มขั้นตอนการผลิตเลย และลูกค้าจะมารับได้หลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์ก็จะได้แว่น



ทำร้านมา 10 กว่าปีแล้ว ยังมีเรื่องไหนชาเลนจ์อยู่บ้าง
เฟิร์น: เฟิร์นมองว่าร้านทําร้านแว่น ไม่ว่าเป็นร้านแว่นประเภทไหน ไม่ต้องแฮนด์เมดก็ได้ สิ่งหนึ่งเลยคือการเซอร์วิส ซึ่งมันยังเป็นความท้าทายของเฟิร์นเสมอเลย เพราะว่าแว่นเฉพาะบุคคล การใช้งาน ความชอบ การแบบดูแลรักษาทุกอย่างมันก็เฉพาะบุคคลจริง ๆ เพราะฉะนั้นการที่เฟิร์นจะดูแลลูกค้าแต่ละคนก็แตกต่างกันตามสไตล์ลูกค้าเลยค่ะ อันนั้นคือสิ่งหนึ่งที่เฟิร์นคิดว่ามันละเอียดอ่อนนะ จะใช้คําว่ายากก็ได้เหมือนกัน
แล้วก็เรื่องการพัฒนาการผลิตเฟิร์นว่าก็ยังเป็นชาเลนจ์ในทุกปี พอเราได้รับโจทย์ใหม่ ๆ มา เราก็มักจะหาไอเดียใหม่ ๆ ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือเทคคิคการผลิตใหม่ ๆ มันเหมือนเราต้องพัฒนามาตั้งแต่ไอเดีย แล้วปลายทางคือตอนที่เราทําคือทำยังไงให้มันเกิดขึ้นได้จริง เฟิร์นว่ามันเป็นความยากพอ ๆ กับเรื่องการบริการลูกค้า
เสน่ห์ของการทำแว่นคัสตอมเมด นอกจากเป็นแว่นชิ้นเดียวบนโลก ยังมีเสน่ห์แง่ไหนอีก
เฟิร์น: การทําแว่นคัสตอมเมดมันกลายเป็นสิ่งช้า ๆ ที่มีเสน่ห์ เพราะทุกวันนี้แบรนด์แว่นเยอะ ดีไซน์ใหม่ ๆ มาแล้วก็ไปไว สังเกตว่าน้อง ๆ อายุ 20 กว่า เขายังชอบที่จะกลับไปนั่งทำเวิร์กช็อป นั่งประดิษประดอยเลย เฟิร์นว่ามันไม่หายไปไหนหรอกงานที่เป็นงานคราฟต์หรืองานทำมือ
ซึ่งตอนที่เราไปเรียนมาที่ฝรั่งเศส เราถึงรู้ว่าก่อนที่แว่นจะเป็นสินค้าแมสในทั่วโลกเนี่ย มันเคยเป็นสิ่งที่ต้องสั่งตัดมาก่อน ไม่ต่างจากรองเท้าหรือเสื้อผ้ายุคคุณปู่คุณย่า แว่นมันเลยเหมือนเป็นไอเทมที่บ่งบอกสไตล์ และฐานะในคนยุคนั้น ไม่ต่างกับรองเท้าเสื้อผ้าเลย
สิบปีกว่าที่ผ่านมาได้เรียนรู้อะไรบ้าง
เฟิร์น: พอมันผ่านมา 10 ปีแล้ว มันเห็นความสนใจเรื่องการทําแว่นแฮนด์เมดมากขึ้นมาก ๆ เลย ซึ่งเมื่อก่อนเราจะหานู่นหานี่ในไทย มันแบบหาไม่ได้เลย ทั้งคนผลิตหรือคนที่สนใจแว่นคัสตอมเมดมันหายากมาก แต่ทุกวันนี้คนรู้จักสิ่งนี้มากขึ้น มีน้อง ๆ นักศึกษาที่เอาแว่นมาเป็นชิ้นงานเล่าเรื่องคอนเซปต์อะไรบางอย่าง หรือคนที่เขาเสิร์ชคำว่า แว่นแฮนด์เมดแล้วมาเจอเรา เฟิร์นแฮปปี้มากที่คนรู้จักเยอะมากขึ้น
ทําให้ปีที่แล้ว (2024) เราเลยตัดสินใจเปิดคลาสสอนทําแว่น ซึ่งแพลนมาหลายปีมาก ๆ แล้ว แล้วก็มีหลายคนที่มาเรียนแล้วก็เหมือนแบบบอกเลยว่าเอาไปใช้ประกอบอาชีพในอนาคต อยากไปต่อยอดอาชีพตัวเอง เพื่อให้คนได้ได้รู้จักแว่นแฮนด์เมดมากขึ้น เฟิร์นรู้สึกดีที่มีคนพูดถึงเรื่องแว่นแบบที่เราทำอยู่มากขึ้น และยินดีมาก ๆ ที่จะเเชร์ประสบการณ์ต่อให้
คิดว่าแว่นกับศิลปะมีความคาบเกี่ยวกับในมุมไหนบ้าง
เฟิร์น: ไม่รู้ตอบตรงคําถามไหม (หัวเราะ) แต่ว่าแวบแรกเลยที่นึกถึงคือ ถ้าเฟิร์นกับอาร์ตอยากทําแว่นขึ้นมาสักอันนึงที่เล่าเรื่องหรือว่าได้แรงบันดาลใจอะไรมา เราจะไม่ดูตัวอย่างงานอื่น ๆ ที่มาจากการออกแบบจากแว่นตาเลย เราจะไปมิวเซียม เดินทางไปเที่ยวดูงานสถาปัตยกรรม หรือแม้กระทั่งเห็นใบไม้แห้งเราก็หยิบมาเป็นแรงบันดาลใจได้หมด อีกอย่างคือดนตรีค่ะ บางวันนั่งทำงานกันอยู่ อาร์ตก็จะขอเปิดเพลงแบบคลาสสิกนะ ญี่ปุ่นนะ เฟิร์นคิดว่าเพลงน่าจะใกล้ชิดกับเรามากที่สุด การที่เราได้แรงบันดาลใจมากจากศิลปะแขนงอื่น ๆ เห็นอะไรก็เก็บก็บันทึกในคลังเรามาก่อน มันจะทำให้ไอเดียต่าง ๆ ในการทำเเว่นเกิดขึ้นได้เเบบมหัศจรรย์มาก ๆ






