เพิ่งไม่กี่วันนี้เองที่ภาพพระโคเสี่ยงทาย กลายเป็นมีมเล่นกันทั่วอินเตอร์เน็ต การได้มาดูหนัง ‘คนกราบหมา’ ที่เพิ่งถูกปลดแบนนี้เลยเป็นประสบการณ์ที่ระเบิดสมองมาก
ระเบิดสมองเพราะตัวหนังเรื่องนี้เองก็มีความบ้าบอไม่สนหินสนแดดด้วยตัวเองอยู่แล้ว ทั้งเรื่องลัทธิประหลาดที่ “ล้างสมอง” จนคนเสียคน (แบบความหมายตรงตัว) แล้วกลายเป็นหมา กินอย่างหมา ผสมพันธุ์อย่างหมา และกราบหมา สมศักดิ์ศรีที่ถูกแบนมายี่สิบกว่าปี (พอ ๆ กับอายุคนเขียน) แล้วยังเต็มไปด้วยบทพูดจี๊ด ๆ ถกเถียงกันเรื่องพระสงฆ์เสพเมถุนกับศพ หรือเด็กฝรั่งผู้หวังจบชีวิตตัวเองมาแล้วแปดครั้งด้วยอาการซึมเศร้า ที่ขีดเส้นแบ่งระหว่างความตลกโปกฮากับความปรัชญาแห่งชีวิตได้ยากจริง ๆ
แต่ไม่ใช่ว่าหนังเรื่องนี้จะมองลัทธิ พิธีกรรม และศรัทธาความเชื่อด้วยสายตาที่ลบหลู่อะไร เพราะสำหรับเราแล้ว มันเหมือนกำลังตั้งคำถามแบบภาคปฏิบัติเลยต่างหาก
ถ้าใครได้เห็นมีมพระโคดื่มเหล้า ก็น่าจะได้เห็นคณะทัวร์ที่ตามมาเถียงว่าเจ้าพวกสามกีบที่บอกว่างานวันพืชมงคลเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ ทั้ง ๆ ที่มันคือวัฒนธรรมประเพณีอันงดงามเนี่ย ตัวเองก็ทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการฝังหมุดคณะราษฎร หรือพิธีเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งใคร ซึ่ง ธนาวิ โชติประดิษฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ และนักวิจารณ์ศิลปะ ก็ได้เคยอ่านปรากฏการณ์นี้คู่กับแนวคิดศิลปะเรื่องความ “อาวองต์-การ์ด” ว่าเป็นความไม่ตรงตามยุคสมัย แต่ก็ร่วมสมัย ซึ่งไปก่อกวนอำนาจนำของยุคสมัย และเราอยากลองอ่านหนังเรื่องนี้โดยมีคอนเซ็ปต์นี้เป็นเพื่อนคู่คิดด้วย
เพราะสิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำก็คือการถีบเราออกจากโลกที่แสนจะปกติธรรมดาแห่งสามัญสำนึก ด้วยวิธีแบบเซอร์เรียล ๆ แล้วปล่อยเราลอยเคว้งในสุญญากาศ ที่ระบอบเหตุผลเดิม ๆ พังหมดไม่เหลืออะไรแล้ว มันเป็นฝันกลางวันที่มนุษย์จะเห่าหอนออกมาจากจิตใจก็ได้ไม่ได้ผิดแปลกอะไร และมันเองก็เป็นหนังที่พูดถึงฝันกลางวันในแง่ของการปลดปล่อยด้วยซ้ำ
มันไม่ได้บอกคนดูว่าอย่ากราบหมา แต่มันบอกคนดูว่า ใจเย็น ๆ ตั้งสติ แล้วมานั่งคิดด้วยกันว่า การกราบหมามันแปลกยังไง? แล้วลองคิดต่อดูว่าที่เรากราบสิ่งนั้นสิ่งนี้ เราใช้หลักการและเหตุผลแบบเดียวกันหรือเปล่า เหมือนกับที่มูเตลูฉบับราษฎรตั้งคำถามว่า ความศักดิ์สิทธิ์คืออะไร หลักการเบื้องหลังของความศักดิ์สิทธิ์ในสังคมไทยเป็นอย่างไรกันแน่ หนังเรื่องนี้แยกจิต (ใต้สำนึก) ออกจากกาย และแยกภาพลักษณ์ออกจากแก่นความคิด แล้วทำให้เราต้องออกแรงเหลือเกินที่จะ “เชื่อ” อะไรสักอย่าง เพราะมันไม่เหลืออะไรให้เกาะแล้ว
ลัทธิคนกราบหมา ก็เลยเป็นได้ทั้งการจองจำและการปลดปล่อย มัน Unlearn หรือถอดถอนความรู้ความเข้าใจเดิมเราแล้ว แต่เราจะ Relearn หรือเรียนรู้ใหม่ด้วยตัวเองได้ไหม? หรือจะต้องเกาะเกี่ยวพระเจ้าองค์ใหม่เอาไว้อยู่ดี? มันเป็นคำถามแบบชาวอิสรเสรี ที่ถ้าใจเรากว้างพอ ก็คงไม่ได้มีอะไรน่าโมโหนัก และถ้าเราไม่ติดตลกเกิน ก็คงเห็นมิติปรัชญาในหนังเรื่องนี้ได้อีกมากมาย
ภาพยนตร์ 'คนกราบหมา (DogGod)' กำกับโดยอิ๋ง กาญจนะวณิชย์ในแบบ “กองถ่ายกองโจร” ของคนนอกวงการหนัง เดิมทีจะเป็นการเปิดตัวแสดงหนังยาวครั้งแรกของน้อย วงพรู เมื่อปี 2541 แต่กลับถูกสั่งห้ามฉายเสียก่อนโทษฐาน “หมิ่นทุกศาสนา” จนกระทั่งผู้กำกับนำไปตัดต่อใหม่และจึงพร้อมฉายให้ทุกคนรับชมได้ โดยจะเข้าฉาย 16 พฤษภาคมนี้ ที่ Cinema Oasis, HOUSE Samyan, และ Major Cineplex
อ้างอิง
https://www.the101.world/avant-garde-and-thai-protest/
https://www.facebook.com/MFPLieV2