cover web fijiblue.jpg

Fiji Blue คุยกับหนุ่ม ‘sad boy (chill house)’ และโชว์ครั้งแรกในประเทศไทย​​

Post on 12 December

ไม่ว่าคุณจะคุ้นเคยกับชื่อของ Fiji Blue มาก่อนหรือไม่ แต่เราเชื่อเหลือเกินว่า คุณน่าจะเคยได้ยินเพลงของเขาผ่านหูมาบ้างไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็น ‘Butterflies’, ‘Waves’ หรือ ‘Space Makes Me Sad’ โดยเฉพาะกับเพลงอย่าง ‘It Takes Two’ ที่ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในซิงเกิลยอดฮิตที่โดนใจเหล่าหนุ่ม ‘sad boy’ ใน TikTok เข้าอย่างจัง

วันนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ Fiji Blue หรือ Trevor Dering นักดนตรีหนุ่ม ‘sad boy (chill house)’ ตัวจริงเสียงจริงจากลอสแองเจลีส ถึง ‘I Love You, What Happened?’ ผลงานอีพีล่าสุดที่มีเพลงเพราะ ๆ อย่าง ‘Feel Something’, ‘Up Down’ และ ‘No Ties’ รวมไปถึงการมาแสดงโชว์ในประเทศไทยเป็น​​ครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่าจะ ‘สุข’ หรือ ‘แซด’ ตามสไตล์เพลงของเขา

ที่มาของสไตล์เพลงแบบ ‘sad boy chill house’

“ในช่วงแรก เพลงของ Fiji Blue ได้รับอิทธิพลมาจากเพลงแดนซ์ทางฝั่งยุโรปอยู่มากเลยทีเดียว ส่วนความเศร้าก็มาจากสไตล์วิธีการเขียนเพลงและการเล่าเรื่องแบบที่ผมชอบทำ พอทั้งสองอย่างถูกนำมาผสมผสานก็เลยเกิดเป็นสไตล์เพลงแบบ ‘sad boy chill house’ แบบที่ว่า อย่างไรก็ตาม ถึงผมจะชอบบอกว่า ทุกอย่างมันช่างน่าเศร้า แต่ผมก็ยังมองว่า มันยังมีความหวังซ่อนอยู่ในนั้นด้วยเสมอ”

เรื่องราวเบื้องหลังอีพี ‘I Love You, What Happened?’

“สำหรับอีพี ‘I Love You, What Happened?’ ถือเป็นการเดินทางอันยาวนานที่นำมาซึ่ง 10 บทเพลงที่มีความหมายมาก ๆ บางเพลงก็เป็นเดโมที่ถูกแต่งไว้นานแล้ว บางเพลงก็เพิ่งถูกเขียนขึ้นมาใหม่ไม่กี่สัปดาห์ก่อนอีพีจะถูกปล่อยออกมา เป็นเหมือนคอลเลกชั่นที่ว่าด้วยความรัก ตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดสิ้นสุด รวมไปถึงเรื่องราวในระหว่างทางของมัน สำหรับผมแล้ว อีพีนี้เป็นเหมือนหมุดหมายที่สำคัญมาก ๆ สำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมาในชีวิตของผม ส่วนตอนนี้ผมเองก็รู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ทำโปรเจกต์ต่อไป เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษ บอกได้เลยว่า น่าจะมีเพลงสนุก ๆ ตามมาอีกแน่นอน”

สิ่งที่คาดหวังจากโชว์แรกในเมืองไทย

“ผมตั้งตารอที่จะได้ดีดคอร์ดแรกแทบไม่ไหวแล้ว ส่วนตัวแล้ว ผมไม่เคยเล่นในงานเทศกาลดนตรีมาก่อน และการที่ประสบการณ์ครั้งนี้จะได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ผมคิดว่า มันจะต้องพิเศษมากแน่ ๆ ผมแทบอดใจรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ยินทุกคนร้องเพลง ‘It Takes Two’ ไปพร้อม ๆ กับผม มันน่าตื่นเต้นมาก ๆ”