เบื้องหลังแววตาสะท้อนอารมณ์ ในภาพวาดของ Sasitorn Amornwachiramongkol

Post on 15 January

ท่ามกลางใบหน้าเรียบเฉยกับมุมมองแบบสองมิติบนโลกสีแจ่ม ‘แววตา’ ที่ดูทื่อ ๆ และว่างเปล่าในภาพวาดของ ‘พิงค์ - ศศิธร อมรวชิรมงคล’ กลับเป็นจุดที่ดึงดูดสายตาและชวนให้เราจมจ่อมอยู่กับการมองภาพเหล่านั้นอยู่เนิ่นนาน คล้ายกับแววตานั้นได้เชื้อเชิญเราให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาบางอย่าง ที่ไม่ได้เป็นดังเช่นที่ตาเห็น

หลังจากรอจังหวะอยู่นาน เมื่อเราเห็นว่าเธอเริ่มมีเวลาว่างจากการจัดแสดงนิทรรศการกลุ่ม O.R.G.Y (Our Revolution for Greater Youth) ที่เพิ่งปิดฉากไปหมาด ๆ เราเลยถือโอกาสชวนเธอมาพูดคุยแบบเจาะลึกอย่างใกล้ชิด พร้อมเปิดฟลอร์เป็นศิลปินคนแรกในคอลัมน์ Artist On Our Radar ประจำปี 2025 เสียเลย

“เราชื่อ ศศิธร อมรวชิรมงคล หรือเรียกสั้น ๆ ว่า พิงค์ ก็ได้ จบการศึกษาจากคณะวิจิตรศิลป์ สาขาประติมากรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นฟรีแลนซ์ในกองถ่าย ดูแลทั้งฝ่าย Production และ Costume แต่ตอนนี้ตัดสินใจหยุดรับงานทั้งหมด แล้วหันมาทำงานวาดรูปแบบเต็มตัวแล้ว”

“สำหรับแรงบันดาลใจในการทำงานของเรา คงต้องบอกว่ามาจากการชอบดูภาพยนต์มาตั้งแต่เด็ก ภาพยนต์เป็นสิ่งที่ทำให้เราหลีกหนีจากความจริงในวัยเด็กที่ไม่ได้สวยงาม และเรามักจะเล่นกับน้องชายโดยการสร้างโลกจินตนาการกันว่าเราอยู่ในหนังเรื่องที่เราชอบดูกัน”

“การจินตนาการและการตั้งคำถามช่วยให้เราเห็นโลกในหลายรูปแบบ เรามักจะสร้างตัวละครขึ้นมาสื่อความหมายและอารมณ์ที่เราอยากจะถ่ายทอด การวาดรูปเป็นการสื่อสารที่ดีที่สุดสำหรับเรา เพราะบางครั้งเราอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ งานของเรามาจากอารมณ์และประสบการณ์ในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต เหมือนการสร้างภาพยนตร์ในหัวของเราและถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาด”

“เราเลยคิดว่าเอกลักษณ์ในงานของเราเลยมีความ cinematic ผสมกับความ surrealist งานของเราจะเน้นไปที่การแสดงอารมณ์ของตัวละครผ่านแววตา แม้ว่าหน้าตาของพวกเขาจะไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาให้เห็น แต่แววตากลับสื่อความรู้สึกที่ซับซ้อน”

“งานของเราดูเหมือนน่ารัก แต่ก็มักจะมีความคาดเดาไม่ได้ซ่อนอยู่ เหมือนกับชีวิตจริงนั่นแหละ เรามักจะชอบความธรรมดา หรือความบังเอิญที่แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ซึ่งมันสร้างความน่าสนใจให้กับเรามาก เรามองโลกในมุมที่บางทีมันดูเรียบง่าย แต่จริง ๆ แล้วมีอะไรซ่อนอยู่มากมาย เหมือนงานของเราที่อาจดูน่ารัก แต่บางทีก็แฝงไปด้วยความตลกร้าย หรือบางครั้งมันอาจจะทื่อ ๆ แต่มันมีความอ่อนโยนอยู่ในนั้น”

เธอยังแชร์เรื่องเทคนิคการทำงานให้ฟังด้วยว่า “เราชอบใช้สีอะคริลิคและสีน้ำมันในการทำงาน เพราะเนื้อสีเหล่านี้ช่วยเพิ่มผิวสัมผัส (texture) ให้กับงาน และสีของมันสามารถผสมออกมาได้หลายเฉด วิธีฝึกฝนของเราคือการลองวาดไปเรื่อย ๆ ลองเล่นกับสีไปเรื่อย ๆ ในแต่ละงาน มันสนุกมาก”

แน่นอนว่าหลังจากพูดคุยกันมาสักพัก หนึ่งในคำถามที่ไม่ถามไม่ได้เด็ดขาด ก็คือผลงานล่าสุดที่เพิ่งจัดแสดงจบไปอย่างนิทรรศการ O.R.G.Y (Our Revolution for Greater Youth) ซึ่งพิงค์ก็ได้เล่าให้เราฟังแบบสบาย ๆ ว่า

“สำหรับนิทรรศการ O.R.G.Y (Our Revolution for Greater Youth) เราได้นำงานไปจัดแสดงด้วยกันทั้งหมดสามภาพ เกี่ยวกับแนวคิดเรื่อง The Power of Softness คือพลังของความอ่อนโยนมันทรงพลังมากและมันสามารถแสดงออกมา และอยู่ในหลาย ๆ รูปแบบในชีวิตประจำวันเรา ถ้าใครที่ไปดูงานนี้และลองสังเกตดู จะเห็นเลยว่า ในแต่ละภาพที่เรานำมา จะแสดงให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะตัวของความอ่อนโยนที่สามารถแสดงออกมาเป็นพลังได้”

และเมื่อเราถามถึงแนวทางในการทำงานชุดต่อไปในอนาคต เธอก็บอกกับเราว่า “ตอนนี้เรากำลังทำภาพวาดชุดใหม่อยู่พอดีเลย รูปแบบงานชุดนี้จะต่อยอดมาจากงานที่ผ่านมา แต่จะเพิ่มสัญลักษณ์ต่าง ๆ ลงไปในภาพมากขึ้น คือเรามีหลายอย่างในหัวมากที่อยากจะทำต่อไป ทั้งงานประติมากรรม และงานศิลปะติดตั้ง แต่ยังคงผสมกับเพ้นติ้งอยู่ และอยากทำงานวิดีโอออกมาเพิ่มในอนาคตด้วย

Absent-minded

ภาพนี้ได้แรงบันดาลใจในช่วงที่เราอยู่ในความสัมพันธ์ที่ทำให้เราสูญเสียตัวตน เพราะเรามอบชีวิตของเราไปให้กับคนอื่นจนลืมตัวเอง เราเลือกที่จะรักคนอื่นมากไปโดยที่ยังไม่เข้าใจตัวเองดีพอ ตอนนั้นเรารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนที่ไม่อยากเป็น เรานั่งคิดอยู่ในห้องคนเดียวและอยากหลุดออกจากความรู้สึกนั้น เราจึงเริ่มนั่งเหม่อและจินตนาการตัวเองไปยังที่ที่เราอยากไป เพื่อแยกร่างและค้นหาพลังในตัวเองที่จะสามารถยืนหยัดได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร

ภาพนี้มีความหมายที่ทำให้เราเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และยังคอยเตือนให้เราเห็นพลังที่มีในตัวเอง เราสามารถแยกร่างตัวเองเป็นหลายร่างเพื่อปกป้องและยืนหยัดในเส้นทางของเรา การกล้าที่จะเดินออกจากความสัมพันธ์ที่เราไม่ต้องการและการค้นหาตัวเองคือการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตที่เราทำได้

untitled

เราเป็นคนที่ชื่นชอบแมวมาก เพราะแมวทำให้เรานึกถึงความเป็นผู้หญิง ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว ภายนอกดูอ่อนโยนและนุ่มนวล แต่ภายในกลับมีความลึกลับ น่าค้นหา และเปี่ยมด้วยความแข็งแกร่ง

Skinky - Soft Pine

ภาพนี้เป็นมิวสิควิดีโอที่เราทำให้กับวง Soft Pine เราชอบกระบวนการทำงานนี้ทำให้เราได้ทดลองอะไรใหม่ๆจากสไตล์งานของเรา เป็นงานที่สนุกและชอบมาก

Ride with you

ภาพนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากตอนที่เรานั่งรถไปกับเพื่อนแล้วเราก็มีบทสนทนากันไปตลอดทาง บทสนทนากับคนอื่นมักสร้างแรงบันดาลใจให้กับเราเสมอไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน

I used to be an angel I

ได้รับแรงบันดาลใจจากแม่เล่าให้ฟังว่าตอนเด็กพาเราไปหาหมอดู หมอดูทักว่าชาติที่แล้วเราเป็นนางฟ้าแต่เราทำผิดเลยต้องกลับชาติมาเกิดเป็นมนุษย์ เราเลยเริ่มจินตนาการโลกของการเป็นนางฟ้าของเรา

Thumb war

ภาพนี้เราได้แรงบันดาลใจจากการชอบเล่น Thumb war กับหลานทำให้เราได้แรงบันดาลใจในการทำงานชุดคอนเสป The power of softness ที่จัดแสดงในงานนิทรรศการ O.R.G.Y

เรามองว่าสงครามเดียวที่ควรเกิดขึ้นในโลกนี้คือสงครามนิ้วโป้ง สงครามนิ้วโป้งเป็นสัญลักษณ์ของการแข่งขันที่เป็นมิตร การต่อสู้ด้วยนิ้วโป้งสื่อถึงความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ควรแก้ไขด้วยอารมณ์ขันและความสบายใจ เราไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงเพื่อแก้ปัญหา

**Boot**

Boot

**dinner**

dinner

**Hi baby**

Hi baby

**It's so nice out here**

It's so nice out here

**Haunted house**

Haunted house

**I used to be an angel II**

I used to be an angel II

**Love**

Love

**Lastnight in bangkok**

Lastnight in bangkok

**อุกกาบาต**

อุกกาบาต

ติดตามผลงานทั้งหมดของ Sasitorn Amornwachiramongkol ได้ที่: https://www.instagram.com/palarink/