ปี 2024 ถือเป็นปีสำคัญของ Impressionism หรือศิลปะลัทธิประทับใจ เพราะเป็นปีที่ขบวนการศิลปะอันเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่แห่งศิลปะตะวันตกขบวนการนี้ มีอายุครบ 150 ปีพอดี ซึ่งที่ประเทศฝรั่งเศสอันเป็นต้นกำเนิด Impressionism ก็กำลังจะมีนิทรรศการใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองฤกษ์งามยามดีนี้ ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ (Musée d'Orsay) ที่กำลังจะมีนิทรรศการParis 1874: Inventing impressionism ซึ่งนำผลงานที่เคยจัดแสดงในนิทรรศการ Impressionism ครั้งแรกเมื่อปี 1874 มาจัดแสดงอีกครั้ง หรือที่แคว้นนอร์มังดีซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนจิแวร์นี อันเป็นสถานที่บ่มแรงบันดาลใจของหัวหน้าขบวนการอย่าง โคลด โมเนต์ ก็กำลังจะมีเทศกาล Normandy Impressionist Festival ที่พลิกพื้นที่ทั่วแคว้นเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมให้ชาวลัทธิประทับใจไปสำรวจขบวนการศิลปะแห่งศตวรรษที่ 19 นี้
ข้ามมาที่อีกฟากฝั่งของโลกที่ประเทศญี่ปุ่น กระแสความตื่นเต้นต่อวาระครบรอบ 150 ปี Impressionism ก็ดูจะบูมอยู่ไม่ใช่น้อย เห็นได้จากความยาวของแถวชาวญี่ปุ่นที่มายืนรอหน้าพิพิธภัณฑ์ Ueno Royal Museum เพื่อเข้าชมนิทรรศการที่รวบรวมผลงานของ โคลด โมเนต์ ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดที่เคยจัดในญี่ปุ่น
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/b3c905afd48c0958d72fedf37ca225a6.jpg)
Monet: Journey to Series Paintings คือนิทรรศการที่รวบรวมผลงานของโคลด โมเนต์ ถึง 75 ชิ้นมาจัดแสดง โดยรวบรวมมาจากทั้งในพิพิธภัณฑ์ของญี่ปุ่นและจากที่อื่นทั่วโลก โดยเน้นไปที่ ‘Series Painting’ หรือผลงานภาพวาดที่โมเนต์วาดเป็นชุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดภาพดอกบัว กองฟาง หรือทิวทัศน์ของทะเลทางตอนใต้ของฝรั่งเศส
เราคิดว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ Impressionism ได้รับความนิยมมาก ๆ ในหมู่ผู้สนใจศิลปะชาวญี่ปุ่น (ต่อจากนิทรรศการโมเนต์แล้วก็ยังมีนิทรรศการ Frontiers of Impressionism: Paintings from the Worcester Art Museum มาจัดแสดงที่ Tokyo Metropolitan Art Museum ซึ่งอยู่ใกล้กัน) นั่นก็เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าศิลปะลัทธิประทับใจที่มีต้นกำเนิดในประเทศฝรั่งเศสได้รับอิทธิพลจากศิลปะภาพพิมพ์ญี่ปุ่นอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเทคนิคการนำเสนอองค์ประกอบภาพแบบสองมิติ (จากเดิมที่เน้นการนำเสนอแสงเงาแบบสมจริง เห็นมิติลึกชัด) หรือแนวคิดเรื่องการนำเสนอความงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะโมเนต์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคลั่งไคล้ในศิลปะญี่ปุ่น ทั้งเคยวาดภาพภรรยาในชุดกิโมโน และถึงขั้นจัดสวนจิแวร์นีย์โดยได้แรงบันดาลใจจากสวนญี่ปุ่นด้วย นั่นจึงอาจทำให้คนญี่ปุ่นรู้สึกเชื่อมโยงกับศิลปะลัทธิประทับใจได้อย่างง่ายดาย
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/375600e8894707c21f467b5b9cb2de5a.jpg)
สำหรับนิทรรศการ Monet: Journey to Series Paintings จะแบ่งออกเป็นห้าห้อง (แต่น่าเสียดายที่อนุญาตให้ถ่ายรูปแค่สองห้องสุดท้ายเท่านั้น) ประกอบด้วย Chapter 1: Monet, His Early Works ที่จัดแสดงผลงานในช่วงแรก ๆ ของอาชีพศิลปิน ที่โมเนต์ได้รู้จักกับ ยูจีน โบแด็ง ศิลปินรุ่นพี่ผู้จุดประกายความสนใจในการวาดภาพทิวทัศน์ (Landscape) ให้โมเนต์ รวมไปถึงเพื่อนร่วมขบวนการประทับใจอย่าง กามีย์ ปีซาโร, ปีแอร์ ออกุสต์-เรอนัวร์ และ เฟรเดริก บาซีย์ โดยมีผลงานที่ถือเป็นมาสเตอร์พีซประจำห้องคือ The Luncheon (1868 – 1869) ที่โมเนต์นำเสนอภาพภรรยา การ์มีย์ และลูกชายขณะที่โต๊ะอาหารกลางวัน
![The Luncheon (1868 – 1869)](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/c976932dc4bc550ded32f4d69d384183.jpg)
The Luncheon (1868 – 1869)
ในห้องถัดมา Chapter 2: Monet, the Impressionist จัดแสดงผลงานในช่วง 1870s-1880s อันเป็นช่วงเวลาที่โมเนต์กับเพื่อนทำงานเพื่อนำไปจัดแสดงในนิทรรศการ Impressionism ครั้งแรก โดยในห้องนี้ผู้ชมจะได้เห็นภาพวาดทิวทัศน์ของชนบทในประเทศฝรั่งเศส จากการที่โมเนต์เดินทางไปยังหลากหลายที่ ไฮไลต์ของห้องนี้จึงหนีไม่พ้นภาพเรือที่โมเนต์และผองเพื่อนดัดแปลงเป็นสตูดิโอลอยน้ำ เพื่อพากันออกไปเก็บแสงและเงาที่กระทบผิวน้ำในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน
![The Studio Boat (1874)](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/f058221061f1fd48855d3821a3db329d.jpg)
The Studio Boat (1874)
![The Studio Boat (1876)](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/657f40f56d2a728635fc07f51e2b2872.jpg)
The Studio Boat (1876)
Chapter 3: Focusing On One Subject จัดแสดงผลงานภาพวาดทิวทัศน์ธรรมชาติที่โมเนต์ได้พานพบและเก็บบันทึกไว้ระหว่างเดินทางไปในที่ต่าง ๆ ทั่วยุโรป ผลงานในห้องนี้จะเน้นภาพวาดทิวทัศน์ของสถานที่เดิม ๆ ที่โมเนต์วาดซ้ำ ๆ เช่น หน้าผาที่ชายฝั่งพูร์วีล์ ในแคว้นนอร์มังดี หรือหินผาหน้าตาประหลาดที่ชายฝั่งเมืองเอเทรอทาต์ โดยจะเห็นได้ว่าโมเนต์นำเสนอภาพจากมุมเดียวกัน แต่ด้วยสีสันที่แตกต่างกัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสีแสงแดดในแต่ละช่วงวันนั่นเอง
![La Manneporte (Étretat), 1883](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/47ca4329fde4ea3c3fc394e73be5d0f4.jpg)
La Manneporte (Étretat), 1883
![La Manneporte près d'Étretat](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/59024450904c249b1683c904aaed1d8f.jpg)
La Manneporte près d'Étretat
ในห้องที่สี่ Chapter 4: Series Painting ซึ่งเป็นห้องแรกที่สามารถถ่ายรูปได้ ห้องนี้แสดงผลงานซีรีส์กองฟางซึ่งเป็นชุดภาพวาดที่โมเนต์วาดจากกองฟางที่เขาเห็นเป็นประจำในแถบละแวกบ้านที่จิแวร์นีย์ ภาพกองฟางแต่ละภาพถูกนำเสนอด้วยสีสันที่แตกต่างกัน ตามการแปรผันของแสงและสีในแต่ละช่วงวัน โดยมีการศึกษาว่าโมเนต์น่าจะได้แรงบันดาลใจในการวาดภาพเป็นชุดหรือซีรีส์เช่นนี้มาจากขนบการสร้างภาพพิมพ์แบบญี่ปุ่นหรือ ukiyo-e นอกจากนี้ ห้องนี้ยังจัดแสดงชุดภาพสะพานชาริ่งครอสและสะพานวอเตอร์ลูของลอนดอน ซึ่งก็เป็นซีรีส์ผลงานชื่อดังที่สะท้อนการเฝ้าสังเกตแสงและสีของโมเนต์เช่นกัน
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/16e7cc800de6bda83a1e72d0d18ac120.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/98700b5b2eb5c71817fd29b7ad7bd07a.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/299ae4c72877f55b85a66c50d661024d.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/adb038e72c6a5c7280bad2122167a29d.jpg)
ในห้องสุดท้าย Chapter 5: Water-Lilies and the Garden in Giverny ถือเป็นห้องไฮไลต์ที่ไม่เพียงจัดแสดงภาพทิวทัศน์หิมะโปรยชื่อดังของโมเนต์ ยังจัดแสดงชุดผลงานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของโมเนต์ อย่างซีรีส์ดอกบัวแห่งสวนจิแวร์นีย์ด้วย โดยชิ้นที่เราคิดว่าน่าสนใจที่สุดก็คือ Corner of Water Lily Pond (1918-1819) ซึ่งเป็นผลงานในช่วงท้ายของชีวิตโมเนต์ และเป็นช่วงที่เขาเผชิญกับปัญหาด้านสายตาที่ทำให้เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดถึงสองครั้ง แต่แม้จะยังมองเห็น แต่ก็เห็นเพียงสีม่วงและแดงเท่านั้น ทำให้ภาพบัวจิแวร์นีย์ในช่วงหลังนั้นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งพร่าเลือนมากขึ้น และใช้สีสันที่ฉูดฉากมากขึ้น แต่ก็ยังคงงดงามในแบบของตัวเองอยู่ดี
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/2f12e193c698ee4f95d968fefffee935.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/e86d04e00398302a15711d221f890c91.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/e77ae069525d44d8d661b328e740087f.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/3d7becbeb641940ed8714d6ad9fdd96b.jpg)
แม้ว่านิทรรศการ Claude Monet: Journey to Series ที่โตเกียวจะจบลงไปแล้ว แต่หากใครแวะเวียนไปแถวโอซากา ยังสามารถตามไปรับชมที่ Nakanoshima Museum of Art ได้ถึงวันที่ 6 พฤษภาคมนี้
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/0ddd21294825685e3c4f8f568a0909b2.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/21201438f243dcaa7dde377bf80ff776.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/e4e031c2e917b984d8b030eafed801e0.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/687ac597097e94fe385a7c1d7fe0d84d.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/aa3ed5cd9a59767047abebb793e0b5cd.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/f746323af664ce9765acf12731bd182f.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/75be23fb9c88c3dcf9ae7ad4816411b4.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/fd4d9504b81d4e27de918605ea92c9dc.jpg)
![](https://falcon.groundcontrolth.com/upload/77f7a81d670fc10f714ad09fed2d72e0.jpg)