นอกเหนือจากเรื่องราวของมิตรภาพและการจากลาระหว่าง ‘อู๊ด’ (ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์) และ ‘บอส’ (ต่อ-ธนภพ) แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ “One For The Road” เป็นภาพยนตร์ไทยที่ประทับใจใครหลาย ๆ คนก็คือบรรยากาศสลัว ๆ ทรงเสน่ห์ของบาร์นิวยอร์กยามค่ำคืน รวมถึงค็อกเทลแฟนเก่าทั้งสามแก้วที่เกิดจากฝีมือการดีไซน์ของ ‘หนึ่ง-รณภร คณิวิชาภรณ์’ บาร์เทนเดอร์ไทยดีกรี World Class Thailand Bartendar of the Year ที่ไปคว้ารางวัลระดับนานาชาติ หัวเรือใหญ่ของบาร์ดังอย่าง Backstage Cocktail Bar, Find The Locker Room และ Find The Photobooth เป็นผู้คิดค้นและผสมสูตรของเครื่องดื่มทั้งสามแก้วจนดูสวยงามน่าดึงดูดใจ ตั้งแต่กระบวนการชงที่ถ่ายทอดผ่านจอภาพยนตร์ จนถึงรสชาติเปรี้ยวขมอมหวานที่ทำให้เราต้องหลงรัก ซึ่งทั้งหมดนี้มีพร้อมให้เราได้ลองชิมแล้วที่ “OFTR Bar” ไดฟ์บาร์น้องใหม่ย่านสุขุมวิทที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศของ One For The Road ไปแบบเต็ม ๆ
จากช่วงล็อกดาวน์ประเทศที่ผ่านมา ส่งผลให้ทีมงานไม่สามารถเดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์ One For The Road ที่นิวยอร์กตามที่วางแผนไว้ได้ พื้นที่ว่างใต้อาคารพาณิชย์ ออฟฟิศของผู้กำกับ บาส-นัฐวุฒิ จึงถูกแปลงโฉมให้กลายเป็นฉากบาร์เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์แทน แต่ด้วยโทนสีสวยงามและมู้ดของบาร์ที่อบอุ่นสมจริง ทำให้สุดท้ายหลังจากถ่ายทำเสร็จ ฉากภาพยนตร์แห่งนี้ก็ถูกพัฒนาจนกลายเป็นบาร์ที่เปิดให้บริการได้จริง เพื่อเอาใจคอหนังและคนรักค็อกเทลที่ต้องการดื่มด่ำบรรยากาศแสงสีราวกับอยู่ท่ามกลางมหานครนิวยอร์ก สอดแทรกด้วยเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ที่ปรากฎอยู่แทบทุกช่วงของภาพยนตร์ เพื่อเป็นตัวแทนของอุปนิสัย ความชอบ หรือห้วงอารมณ์ของตัวละครอย่าง บอส (ต่อ-ธนภพ) อู๊ด (ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์) หรือแม้แต่พริม (วี-วิโอเลต) บาร์เทนเดอร์สาวเองก็ตาม
OFTR Bar แห่งนี้ตั้งอยู่บนหัวมุมโค้งของซอยสุขุมวิท 31 ในชั้น 1 ของอาคารพาณิชย์สีขาวขนาดกะทัดรัดที่อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมสำหรับคนรักหนังโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น FICS คาเฟ่นั่งสบายที่สร้างตามธีมโรงภาพยนตร์, Poster District แหล่งรวมโปสเตอร์หนังที่จัดแสดงเป็นเหมือน Poster Gallery สุดพิเศษที่จะไปเดินชมก็ได้ ไปเลือกซื้อก็ดี รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของ Houseton Films ออฟฟิศของบาส-นัฐวุฒิอีกด้วย
‘หนึ่ง-รณภร คณิวิชาภรณ์’ ผู้คิดค้นสูตรค็อกเทลแฟนเก่าทั้งสามแก้วในภาพยนตร์เล่าให้เราฟังว่า หลังจากได้รับโจทย์จากผู้กำกับ บาส-นัฐวุฒิ ให้คิดค็อกเทลตัวละครแฟนสาวของอู๊ดทั้งสามคนในเรื่อง เขาต้องอ่านบทภาพยนตร์เพื่อทำความเข้าใจตัวละครในแต่ละพาร์ตของเรื่อง ซึ่งนอกจากส่วนผสมของรสชาติที่แตกต่างกันแล้ว เขายังต้องบอกเล่าคาแรกเตอร์ของหญิงสาวทั้งสามคนผ่านรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่างกันไปตามจุดเด่นของแต่ละคน ไม่ใช่เพียงรสชาติของค็อกเทลเท่านั้น แต่ภาพลักษณ์ของแก้ว กลวิธีการชงที่จะถูกถ่ายทอดออกมาผ่านภาพในหนังก็ถูกออกแบบมาแล้วอย่างประณีตก่อนถ่ายทำ จนถึงแม้ผู้ชมจะไม่ได้นั่งจิบค็อกเทลแต่ละแก้วขณะชมภาพยนตร ์ แต่ก็ได้รับความรู้สึกได้ผ่านสีสัน ท่วงท่าการคนเครื่องดื่มในแก้ว หรือหน้าตาของส่วนผสมแต่ละตัวด้วยเช่นกัน
คุณหนึ่งเสริมว่า ในฐานะบาร์เทนเดอร์ บทบาทของค็อกเทลเป็นมากกว่าเครื่องดื่มทั่วไป เพราะรสชาติและการรับรู้ของค็อกเทลย่อมเปลี่ยนไปตามเรื่องราวของแต่ละส่วนผสมที่บาร์เทนเดอร์เลือกใช้ และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ ‘ค็อกเทล’ กลายเป็นเหมือนอีกตัวละครหนึ่งที่เสริมให้เรื่องราวใน One For The Road มีหลากหลายรสชาติที่ผสมปนเปกันไปตามความรู้สึกของผู้ชมแต่ละคน
ALICE’S DANCE (360 THB)
เริ่มต้นแก้วแรกของค่ำคืนนี้ไปกับ ‘Alice’s Dance’ เครื่องดื่มสีแดงจากส่วนผสมของไซรัปแครนเบอร์รีที่ก้นแก้ว รวมเข้ากับ Gin, Dry Vermouth และ Luxardo Bitter Bianco กับ Grapefruit, Fresh Lime Juice และ Tonic เสิร์ฟพร้อมก้านซินนามอนที่เมื่อคนไปรอบ ๆ แก้วแล้วดูคล้ายกับท่วงท่าอันสดใสของ ‘อลิซ’ (พลอย หอวัง) สาวผมแดงในยามเต้นรำไม่มีผิด ประกอบกับรสชาติเปรี้ยวหวานสดชื่นที่เราต่างโหวตกันว่า เป็นแก้วที่ดื่มง่าย เหมาะจะเป็นค็อกเทลตัวเปิดของการเดินทางนี้ได้เป็นอย่างดี
NOONA’S TEARS (360 THB)
อีกแก้วหนึ่งที่ถือว่าเป็นหนึ่งใน Best Seller ของทางร้าน ย่อมหนีไม่พ้นเครื่องดื่มแห่งความเศร้าอย่าง ‘Noona’s Tears’ ที่คุณหนึ่งเลือกใช้น้ำตาลก้อนที่หยด Angostura Bitters แตกซ่านจนเป็นสีชมพูม่วง หย่อนลงไปในแก้วทรงสูงที่มี Sparkling Wine กับ St.Germain Elderflower จนเกิดเป็นพรายฟองนุ่มละมุน ราวกับน้ำตาของตัวละคร ‘หนูนา’ (ออกแบบ-ชุติมณฑน์) ที่ต้องเจ็บปวดกับการทำตามความฝันของชีวิตจนประสบความสำเร็จ แก้วนี้จึงถือเป็นการชูแก้วเฉลิมฉลองให้กับการเติบโตของหนูนาที่อาจไม่ได้หวานละมุนตลอดเส้นทางอย่างที่ใคร ๆ เข้าใจ… Cheers!
AFTER THE RAIN (360 THB)
ปิดท้ายเซ็ตค็อกเทลแฟนเก่าไปกับ ‘After the Rain’ จากเหล้าวอดก้าผสมกับ Rosemary Mint รวมกับ Jasmine Syrup, Pomelo Juice และ Fresh Lime Juice จนมีกลิ่นหอมนุ่มนวลที่โดดเด่นขึ้นมาจากสองตัวแรก โดยตัวละคร ‘บอส’ ใช้วิธีชงคล้ายการชงชาชักที่ต้องเทส่วนผสมจากแก้วหนึ่งลงมายังอีกแก้ว เมื่อรวมกับรสชาติที่สดชื่นราวกับอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ดูคล้ายกับการกลับมาพบกันในวันฝนตกของอู๊ดและ ‘รุ้ง’ (นุ่น-ศิรพันธ์) ที่ก่อให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ตามมา
NEW YORK SOUR IN NEW YORK CITY (280 THB)
ตบท้ายคืนนี้ของเราไปกับ ‘New York Sour in New York City’ เครื่องดื่มตัวแรกที่พริม (วี-วิโอเลต) ชงให้บอส (ต่อ-ธนภพ) ดื่มในวันแรกที่เดินทางมาถึงนิวยอร์ก จากเหล้าเบอร์เบินผสมกับไวน์ขาว เพิ่มความหอมด้วยเหล้าแอปเปิ้ลและ Apple Syrup ก่อนโรยหน้าด้วยแผ่นน้ำตาลแดงที่เผาไหม้ให้รสสัมผัสที่หวานแต่ขมปะปนกันไป จัดเสิร์ฟในแก้วสีฟ้าเช่นเดียวกับฉากในภาพยนตร์ ทำให้เราย้อนนึกถึงความทรงจำที่ยาวนานและมีค่าของทั้งสองตัวละคร ถือเป็นการจบค่ำคืนนี้ของเราได้อย่างงดงาม
ใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศแห่งความเหงาในเมืองใหญ่ และเพิ่มอรรถรสทางเรื่องราวของความรักที่ถูกบอกเล่าผ่านแก้วทรงสูงนี้ สามารถมาลิ้มลองกันได้ที่ OFTR Bar ซอยสุขุมวิท 31 (ทางร้านแนะนำให้จองมาก่อนล่วงหน้า) หรือใครที่มาเร็วหน่อย จะพาคนรู้ใจมาแวะจิบกาแฟที่ร้าน FICS หรือจะแอบถ่ายรูปที่ตู้ Sculpture Bangkok ที่หน้าตึกก่อนก็ได้ไม่ว่ากัน
📍 OFTR Bar
ซอยสุขุมวิท 31 (มีบริการ Valet Parking)
เวลาทำการ วันอังคาร - วันอาทิตย์
เวลา 17.00-23.00 น.
FB: OFTR BAR