GC_Special Route Vienna web-03.jpg

Vienna Architecture Style ทัวร์ 7 สถาปัตย์เวียนนา เมืองโรแมนติกที่ใครก็ตกหลุมรัก

Post on 7 September

ถ้าพูดถึง ‘เวียนนา’ เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย คำที่ทุกคนจะโพล่งออกมาเป็นคำแรกน่าจะเป็น ภาพยนตร์โรแมนติกตลอดกาล ‘Before Sunrise’ ที่ดำเนินเรื่องหลักในเวียนนา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านอกจากเนื้อเรื่องแสนอบอุ่นใจ ความงดงามของสถาปัตกรรมในเวียนนาก็ช่วยชูรสความโรแมนติกให้หนังเรื่องนี้ไม่น้อยจน ‘เวียนนา’ กลายเป็นเมืองในดวงใจของใครหลายคน

ว่ากันว่าเวียนนาคือเมืองแห่งสถาปัตยกรรมแบบบาโรกตอนปลาย จุดสตาร์ทที่สำคัญของบาโรกในเวียนนาคือการสร้างพระราชวัง Liechtenstein เมื่อปี 1694 แต่ยุคทองของ ‘บาโรกสไตล์เวียนนา’ ที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นเมื่อมีการก่อสร้างพระรางวัง Belvedere ของเจ้าชายยูจีน จากแต่เดิมที่สถาปัตกรรมแบบบาโรกนั้นดูยิ่งใหญ่อยู่แล้ว สถาปนิกชาวเวียนนาก็ได้ปรับให้อาคารของพวกเขาดูโอ่อ่ายิ่งขึ้นไปอีก อาคารต่างๆ มักมีโค้งเว้าที่ซับซ้อน โค้งแบบหักศอกและวงรี ทั้งยังมีหลังคาลาดเอียงเชื่อมต่อกัน บางส่วนก็ใช้องค์ประกอบจากแวร์ซายและบาโรกอิตาลีเพื่อสร้างเอฟเฟกต์ใหม่

แต่นอกจากอาคารแบบบาโรก เวียนนาก็ยังประกอบไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิก สถาปัตยกรรมแบบโรโกโกเพื่อเพิ่มความหรูหราให้บาโรก สถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกที่หันกลับมาสู่ความเรียบง่ายสง่างามแบบกรีกโรมัน และอาร์ตนูโวที่รุ่งเรืองในออสเตรียอย่างมาก ฯลฯ

ความโดดเด่นของบาโรกสไตล์เวียนนาและความหลากหลายของอาคารโบราณต่างๆ ที่ปะทะกับอาคารสมัยใหม่รอบข้างนี้เองที่ทำให้หลายคนตกหลุมรักเมืองแห่งนี้

Stephanskirche

ก่อนจะกระโดดไปดูสถาปัตยกรรมรูปแบบอื่นๆ เราขอพาทุกคนไปดูสถาปัตยกรรมแบบโกธิกซึ่งเป็นยุคเก่าแก่ที่สุดในสถาปัตยกรรมของเวียนนากันที่ Stephanskirche (St. Stephen’s Cathedral) หรือมหาวิหารเซนต์สตีเฟนอันเป็นโบสถ์แม่ของอัครสังฆมณฑลโรมันคาธอลิกแห่งเวียนนาและเป็นที่ตั้งของอัครสังฆราชแห่งเวียนนาด้วย

มหาวิหารใจกลางกรุงที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1137-1160 แห่งนี้เป็นหนึ่งในอาคารสไตล์โกธิกที่สำคัญของยุโรป รูปแบบของวิหารสำคัญนี้มีโครงสร้างแบบโกธิกฮัลเลนเคียร์เช่ซึ่งมีต้นกำเนิดในเยอรมัน เอกลักษณ์คือมีการตกแต่งภายในที่คล้ายกับโถงทางเดินขนาดมหึมา โดยมีทางเดินกลางและทางเดินแยกที่มีความสูงเท่ากัน 

แต่เพราะเหตุการณ์ไฟไหม้หลายครั้งและการระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 จนผ่านการบูรณะในหลายสมัย รูปแบบของฮัลเลนเคียร์เช่นั้นจึงเหลือแต่เพียงฐานราก ประตูใหญ่ และหอคอยด้านตะวันตกเท่านั้น ส่วนหอคอยทางเหนือที่ไม่เคยสร้างเสร็จถูกปิดทับด้วยโดมแบบยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา สิ่งที่น่าทึ่งคือยอดแหลมของอาสนวิหารซึ่งสร้างเสร็จในปี 1433 ยังคงสูงเหนือเส้นขอบฟ้าของกรุงเวียนนา 

Staatsoper

Staatsoper หรือโรงอุปรากรแห่งเวียนนาเป็นสถานที่จัดงานที่มีรูปแบบเลียนแบบอาคารยุคเรเนอร์ซองส์ ทั้งยอดแหลม ทางเดิน แนวเสา และรูปปั้นวีรสตรี Staatsope อาคารแห่งนี้ยังถือเป็นอาคารหลักแห่งแรกบนถนนวงแหวนเวียนนาที่สร้างขึ้นในปี 1861-1869 ที่มีที่นั่งมากถึง 1,709 ที่นั่ง

ด้านหน้าอาคารตกแต่งด้วยซุ้มประตูสไตล์เรอเนสซองส์ ด้านหน้าของระเบียงหลักมีรูปปั้นของนักขี่ม้าสองคนซึ่งเป็นตัวแทนของม้ามีปีกทั้งสองของ Erato ในบทกวี Harmony and the Muse of Poetry ที่รวบรวมบทกวีที่ดีที่สุดแห่งศตวรรษที่ 17

บนซุ้มประตูเหนือเฉลียงมีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ตัวแทนของวีรกรรม โศกนาฏกรรม ความแฟนตาซี ความตลก และความรัก ทางด้านขวาและด้านซ้ายของโรงอุปรากรมีน้ำพุสองแห่ง แห่งหนึ่งสื่อถึงโลกดนตรี การเต้นรำ ความปิติยินดี และความรื่นเริง แห่งทางขวาสื่อถึงการยั่วยวน ความเศร้า ความรัก และการแก้แค้น

Albertina

ก่อนจะพูดถึงอาคารต่อไปนี้ เราขอพูดถึง Hofburg Imperial Palace หรือพระราชวังฮอฟบวร์กอันเป็นอดีตพระราชวังหลวงของราชวงศ์ฮับส์บูร์กซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 1279 ก่อนสร้างส่วนต่อขยายออกไปหลายครั้ง ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 แต่เดิม พระราชวังแห่งนี้มีโครงร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีป้อมปราการสี่แห่ง และล้อมรอบด้วยคูน้ำที่มีสะพานชักตรงทางเข้า

ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาทในปัจจุบันนี้คือ Swiss Court ซึ่งมีโบสถ์สไตล์โกธิกตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 และคลังสมบัติต่างๆ ตั้งอยู่ ส่วนอื่นๆ ของพระราชวังที่ต่อขยายไปถูกดัดแปลงให้เป็นรูปแบบเรอเนสซองส์และบาโรกตามสมัยต่างๆ

ปัจจุบันฮอฟบวร์กเป็นที่ตั้งของหอสมุดแห่งชาติออสเตรีย พิพิธภัณฑ์อัลเบอร์ตินา พิพิธภัณฑ์กระดาษ และพิพิธภัณฑ์อื่นๆ อีกหลายแห่ง รวมถึงโรงเรียนสอนขี่ม้าสเปน ทั้งปีกด้านหนึ่งของวังก็ยังเป็นสำนักงานของประธานาธิบดีออสเตรียด้วย และภาพที่เห็นอยู่นี้คือ Albertina หรือพิพิธภัณฑ์อัลเบอร์ตินาซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 1776 แต่เดิมเคยเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในเมืองช่วงราชวงศ์ Habsburg และถือเป็นพระราชวังสไตล์นีโอคลาสสิกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรักษาต้นฉบับภาพวาดที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพราะมีภาพวาดกว่า 65,000 ภาพและภาพพิมพ์ฉบับเก่าประมาณ 1 ล้านภาพ ตลอดจนงานกราฟิก ภาพถ่าย และภาพวาดสถาปัตยกรรม ครอบคลุมตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 จนถึงปัจจุบัน

Spanischen Hofreitschule

Spanischen Hofreitschule คือโรงเรียนสอนขี่ม้าสเปนถือเป็นสถาบันสอนขี่ม้าคลาสสิกที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก Spanish Riding School ตั้งอยู่ระหว่าง Michaelerplatz และ Josefsplatz ภายในส่วนของพระราชวัง Hofburg ใจกลางกรุงเวียนนา ในอดีต สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของมกุฎราชกุมารแม็กซีมีเลียน ต่อมาในปี 1889 ที่พักแห่งนี้ถูกดัดแปลงในช่วงยุคบาโรกเพื่อใช้เป็นที่ประทับของม้าของจักรพรรดิชั้นล่าง

Welt Museum Wien

Welt museum Wien คือพิพิธภัณฑ์มานุษยวิทยาที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรีย ก่อตั้งขึ้นในปี 1876 และใช่แล้ว! สถานที่แห่งนี้ก็ตั้งอยู่ในพระราชวัง Hofburg เช่นกัน แต่อยู่ในส่วนของ Heldenplatz หรือ Heros Square

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เก็บรักษาวัตถุทางชาติพันธุ์และโบราณคดีมากกว่า 400,000 ชิ้นจากเอเชีย แอฟริกา โอเชียเนีย และอเมริกา ใน 14 ห้องสำคัญ

Palais Pallavicini

Palais Pallavicini เป็นพระราชวังในจตุรัส Josefsplatz ของตระกูล Pallavicini ซึ่งซื้อต่อจาก Count Moritz von Fries ครอบครัวธนาคารที่เคยร่ำรวย ปัจจุบันเปิดให้เช่าในโอกาสพิเศษต่างๆ อย่างการประชุม คอนเสิร์ต งานแต่งงาน และกิจกรรมอื่นๆ ทั้งยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Third Man ด้วย

อาคารแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1784 ในสไตล์นีโอคลาสสิกผสมผสานกับบาโรก ทั้งในและนอกอาคารนั้นมีเส้นนำสายตาที่สะท้อนทั้งความยิ่งใหญ่และความสง่างาม แต่ละห้องมีงานปูนปั้นอับนผนังและเพดาน โดยเฉพาะในห้องบอลรูมก็ยังมีผนังกระจกสไตล์บาโรกโบราณ โคมไฟระย้าคริสตัล ทั้งยังปูพื้นด้วยไม้ปาร์เก้ฝังจากไม้ราคาแพง

Palais Eschenbach

Palais Eschenbach เป็นอาคารเก่าแก่เมื่อปี 1872 ในสไตล์คลาสสิกแบบ Palladian โดยสถาปนิก Otto Thienemann สไตล์ Palladian นี้เป็นสถาปัตยกรรมยุโรปที่ได้มาจากผลงานของ Andrea Palladio สถาปนิกชาวเวนิสที่หยิบแนวคิดดเรื่องความสมมาตร มุมมอง และหลักการของสถาปัตยกรรมคลาสสิกอย่างกรีกโรมันมาปรับใช้

Palais Eschenbach ตั้งอยู่บนทำเลใจกลางเมืองในเขตแรกของเวียนนา ภายในมีห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่ปูด้วยแผ่นไม้และผ้าม่าน ทั้งยังมีเพดานโค้ง ซุ้มอาร์เคด และเสาหินอ่อน

อ้างอิง :
visitingvienna
britannica
palais-pallavicini
austria
avontuura