ในปี 1973 ช่างภาพชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโมร็อกกัน Bruno Barbey ได้รับมอบหมายให้ติดตาม George Pompidou ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ณ ขณะนั้น เดินทางไปเยือนประเทศจีนตามหมายกำหนดการ โดยที่ Barbey รับหน้าที่เป็นตัวแทนของสื่อฝรั่งเศสในการเก็บภาพกำหนดการเยือนครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ อันจะเป็นจุดเริ่มต้นของซีรีส์ภาพถ่ายประเทศจีนของ Barbey ที่มีความสำคัญในฐานะการเป็นภาพถ่ายชุดแรกที่ใช้ฟิล์มสีในการเก็บภาพทิวทัศน์และวิถีความเป็นไปในดินแดนมังกรอันแสนกว้างใหญ่แห่งนี้
Barbey ตระเวนเก็บภาพไปทั่วประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น หางโจว, ซูโจว, เสฉวน, กว่างซีจ้วง ไปจนถึงเซี่ยงไฮ้ เขามักจะค้นหาโลเกชั่นที่อยากถ่าย แล้วเฝ้ารอให้อะไรบางอย่างเกิดขึ้น จากนั้นก็รีบกดชัตเตอร์อย่างรวดเร็ว สำหรับ Barbey ความสำคัญของการถ่ายภาพในประเทศที่มีผู้คนมหาศาลและมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นรอบตัว ก็คือการจับโมเมนต์ที่เป็นธรรมชาติที่สุด เพื่อถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นจริง ๆ แบบไม่ต้องปรุงแต่ง
ครั้งหนึ่ง Barbey เคยเล่าถึงประสบการณ์การถ่ายภาพในประเทศจีนว่า ผู้คนมักไม่ค่อยสนใจในยามที่เขายกกล้องขึ้นมาถ่าย “ในประเทศจีนหรือญี่ปุ่น หรือประเทศในเอเชียทั้งหมด ผมไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องการถ่ายภาพคน อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับคนต่างชาติ การถ่ายภาพในเซี่ยงไฮ้ง่ายกว่าในปารีสเยอะ ในปารีส ถ้าคุณถ่ายภาพใครสักคน เขาอาจตรงเข้ามาประจัญหน้าและขู่ว่าจะฟ้องคุณ แต่ในจีนไม่ได้เป็นเช่นนั้น คนจีนชอบถ่ายภาพ มันอัศจรรย์มากที่พวกเขาสนใจและอยากที่จะถูกถ่ายรูป”
การที่ Barbey เป็นตากล้องคนแรกที่ได้ถ่ายทอดภาพของประเทศจีนด้วยฟิล์มสีก็มีความสำคัญในฐานะภาพถ่ายที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตและสภาพสังคมของจีน ณ ขณะนั้นอย่างแท้จริง ด้วยความที่ภาพถ่ายในจีนยุคแรกนั้นไม่เพียงแต่เป็นภาพขาวดำ แต่ยังเป็นภาพถ่ายในลักษณะแบบเป็นทางการที่ช่างภาพต้องตั้งใจกดชัตเตอร์ และผู้ถูกถ่ายก็ต้องโพสท่าหรืออยู่ในระหว่างปฏิบัติกิจกรรมที่เป็นทางการ ด้วยเหตุนี้ ภาพถ่ายสตรีตของ Barbey จึงเป็นภาพชุดแรก ๆ ที่เปิดให้เห็นอัตลักษณ์และความเป็นไปของสังคมจีนในแบบที่เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
อ้างอิง : Bruno Barbey’s Color of China, Bruno Barbey: Color of China, Discovering China As It Is: Photographic exhibition of Bruno Barbey opens in Beijing