เมื่อเร็ว ๆ นี้ คลิปวิดีโอไวรัลจากต่างประเทศเกี่ยวกับศิลปะใน Haunted House ของ Fondazione Prada มิลาน ได้รับความสนใจบน TikTok มียอดเข้าชมกว่า 1.3 ล้านครั้งและคอมเมนต์กว่า 2,000 ข้อความ หลายคนตั้งคำถามถึงท่าทางขำขันของเจ้าของคลิปที่หัวเราะกับผลงานของ Robert Gober ศิลปินคอนเซปชวลชาวอเมริกัน ผู้มีชื่อเสียงจากการเปลี่ยนวัตถุธรรมดาและร่างกายมนุษย์ให้กลายเป็นประติมากรรมสุดแปลกตา
Haunted House เป็นอาคารไฮไลต์ของ Fondazione Prada เดิมเป็นโรงกลั่นสุราตั้งแต่ยุค 1910 ได้รับการอนุรักษ์และปรับปรุงใหม่โดย Rem Koolhaas และสตูดิโอ OMA มีจุดเด่นที่ภายนอกหุ้มทองคำเปลว สะท้อนการแปรสภาพพื้นที่อุตสาหกรรมเดิมให้กลายเป็นศูนย์กลางศิลปะร่วมสมัย
ภายในจัดแสดงงานถาวรของ Robert Gober และ Louise Bourgeois แตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ ที่จัดนิทรรศการหมุนเวียน โดยงานของทั้งคู่สำรวจประเด็น “ความหลอกหลอน” ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ของมนุษย์ และการเสื่อมสลายของร่างกาย
เจ้าของโพสต์สุดไวรัลนั้นมีชื่อแอคเคาท์ว่า ‘@sydneycasonn’ ในคลิปดังกล่าวเธอได้ถ่ายให้เราเห็นงานศิลปะใน Haunted House ของ Fondazione Prada, Milan ที่มีหน้าตา ท่าทาง และการจัดวางที่ประหลาด จนพวกเธอทั้งสองคนขำกันตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็น กล่องซีเรียลขนาดยักษ์ ประติมากรรมชิ้นส่วนมนุษย์แปลก ๆ และห้องที่มีประตูซ้อนประตูแต่เปิดไม่ได้
เธอยังเขียนแคปชั่นใต้คลิปไว้ว่า “Try not to laugh challenge: Impossible” เพื่อสื่อว่าพวกเธอกำลังทำชาเลนจ์กลั้นขำแต่ทำไม่ได้ ส่วนบนวิดีโอก็ยังมีข้อความกำกับไว้ด้วยว่า “I dare you to go to Prada Museum in Milan and try to take this place seriously” เพื่อย้ำอีกทีว่าฮาจริง และเธอยังเสริมเรื่องความขำต่อในคอมเมนต์อีก (ซึ่งเราขอแปลแบบใส่อรรถรสมาเลย) ว่า “เอาจริง ๆ นะ คือมันแย่มากจนกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดไปเลยอ่ะ เพราะมันทำให้เราหยุดหัวเราะไม่ได้จริง ๆ ที่นี่โคตรจะไม่ซีเรียสเลย”
ทุกอย่างเหมือนจะเป็นคลิปขำ ๆ ในวันสดใสของคนไปเที่ยวดูงานศิลปะ แต่พอมองในคอมเมนต์ นอกจากจะมีคนมาร่วมแซวและร่วมฮากับงานศิลปะในคลิป ก็ยังมีอีกหลากหลายความเห็นที่เข้ามาถามเจ้าของคลิปว่า “ก่อนจะฮา รู้ความหมายยัง?” หรือบางคนก็บอกว่า “ในฐานะที่เป็นแฟนคลับงานของ Robert Gober คลิปนี้ทำให้รู้สึกเศร้าโครต ๆ” หรือบางคนก็ก็แซะนิ่ง ๆ ฟีลประมาณว่า “ศิลปะมันต้องการการคิดแบบ Crutical thinking ด้วยนะ” เพื่อสื่อว่าเจ้าของช่องไม่มี
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า ถึงแม้งานของ Robert Gober จะขึ้นชื่อเรื่องหน้าตาแปลกและไม่สมเหตุสมผล แต่งานทุกชิ้นประกอบขึ้นมาจากประสบการณ์ส่วนตัวในฐานะเกย์ที่เติบโตมาในครอบครัวคาทอลิก และในฐานะของคนที่โตขึ้นมากับยุคที่คนเกลียด LGBTQ+ และยุคที่คนตายจากโรคเอดส์แบบใบไม้ร่วงในช่วงปี 70 - 80 ทั้งหมดได้ขับเคลื่อนให้เขาเปลี่ยนวัตถุธรรมดาในชีวิตประจำวันให้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางความคิด ที่ตั้งคำถามถึงอัตลักษณ์ เพศ ศาสนา และความเปราะบางของมนุษย์อย่างลึกซึ้ง
ยกตัวอย่างจากงานชิ้นหนึ่งที่ปรากฏในวิดีโอนี้และเรียกเสียงฮาจากเจ้าของช่องสุด ๆ ก็คือ ‘Corner Door and Doorframe (2014-2015)’ ที่นำเสนอภาพของประตูและวงกบที่ดูแปลกตาและไม่สมเหตุสมผล เมื่อผู้ชมเดินเข้าไปในห้อง จะพบกับบานประตูที่ถูกถอดออกจากบานพับและปราศจากมือจับ การจัดวางที่ผิดปกตินี้อาจทำให้รู้สึกว่าไร้เหตุผล แต่ความจริงแล้วศิลปินต้องการให้เราตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของประตูในฐานะทางผ่านและเครื่องมือแบ่งแยกพื้นที่ ประตูซึ่งโดยปกติเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อหรือแยกโลกสองด้าน ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ จนเกิดความรู้สึกความขัดแย้งขึ้นมา และมันยังเชิญชวนให้ผู้ชมขบคิดถึงประสบการณ์ของการถูกกีดกัน ความโดดเดี่ยว และความไม่สมบูรณ์ที่แฝงอยู่ในความสัมพันธ์ทางสังคมและพื้นที่ส่วนตัว โดยใช้ ‘ประตู’ เป็นอุปมาของความฝันและความปรารถนาที่อาจไม่มีวันเป็นจริง
งานชิ้นนี้เป็นการสำรวจความหมายของพื้นที่และขอบเขตในมิติที่ลึกซึ้งกว่าที่ตาเห็น การที่ประตูไม่สามารถเปิด-ปิดได้และถูกวางในตำแหน่งที่ไม่อาจใช้งานจริง ชี้ให้เห็นถึงสภาวะของความติดขัดและความรู้สึกไร้ทางออกที่มนุษย์เผชิญในชีวิต และยังสะท้อนแนวคิดหลักในงานของเขาที่มักสำรวจธีมเรื่องบ้าน ความทรงจำ และความเปราะบางของชีวิต ผ่านการตั้งคำถามต่อสิ่งที่ดูเหมือนปกติในชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตาม แม้งานจะเศร้าและมีความหมายลึกซึ้ง แต่เราจะขำไม่ได้หรอ? คำถามนี้ได้ถูกพูดขึ้นมาเรื่อย ๆ ในคอมเมนต์ของวิดีโอนี้ หลังจากที่ก่อนหน้ามีหลายคนที่เข้ามาตำหนิเจ้าของโพสต์ รวมถึงตัวเจ้าของโพสต์เองก็ได้เข้าไปตอบตามคอมเมนต์ต่าง ๆ ที่บอกว่ารู้สึกเศร้ากับการกระทำของเธอด้วยเช่นกัน โดยหนึ่งในคอมเมนต์ตอบกลับนั้น เธอได้เขียนไว้ว่า “เราสามารถชื่นชมศิลปะด้วยอารมณ์ขันได้นะ! เห็นชัดได้จากการที่พวกเรามีมีความสุขกันมาก ๆ”
หรือในคอมเมนต์ที่แอบแซะเธอว่าศิลปะต้องการ Critical Thinking ในการดู เธอก็ไปตอบว่า “ศิลปะถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เรารู้สึก และสิ่งนี้ก็ทำให้ฉันหัวเราะ ดังนั้นฉันคิดว่ามันประสบความสำเร็จแล้วล่ะ” นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายแรงซัพพอร์ตของคนที่เห็นต่าง เพราะพวกเขาเองก็มองว่า ศิลปะคือสิ่งที่ทำให้เรา ‘รู้สึก’ ไปกับมัน และถ้ามันทำให้คุณรู้สึกอยากหัวเราะ คุณก็แค่หัวเราะเท่านั้นเอง
แต่บางที การที่เห็นงานชิ้นนี้แล้วขำ ก็อาจจะเป็นหนึ่งในรีแอคชั่นที่ถูกต้องก็ได้นะ เพราะศิลปินเองเขาก็เคยให้สัมภาษณ์กับ BOMB Magazine ในปี 1989 เกี่ยวกับสิ่งที่คนมักเข้าใจผิดหรือไม่ค่อยพูดถึงในงานของเขา สิ่งนั้นก็คือ ‘อารมณ์ขัน’ ที่หายไปจากคำอธิบายงานในหลาย ๆ ครั้ง
เขาอธิบายว่า “สำหรับผม อารมณ์ขันเป็นสิ่งสำคัญมาก หลายครั้งในสตูดิโอ ผมจะทำงานไปเรื่อย ๆ จนกว่าชิ้นงานนั้นจะทำให้ผมหัวเราะออกมา มันเป็นวิธีหนึ่งในการเปิดทางให้ผู้ชมเข้าถึงผลงาน จากนั้นคุณจึงค่อยมอบเนื้อหาที่ซับซ้อนและหนักหน่วงให้พวกเขา อารมณ์ขันจึงเหมือนเป็นกลไกที่ช่วยลดแรงปะทะ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นความรื่นรมย์ที่แฝงอยู่ในตัวงานด้วย”
ดังนั้น การที่มีคนเห็นงานของเขาแล้วขำออกมา ก็อาจจะทำให้โกเบอร์มีความสุขก็เป็นได้ เพราะตัวศิลปินเองก็อาจจะอยากตั้งคำถามกับความซีเรียสจริงจังของศิลปะไปกับพวกเขาด้วยก็เป็นได้
แล้วคุณล่ะคิดเห็นอย่างไร ถ้างานเศร้าแต่เรากลับรู้สึกขำ มันจะทำได้หรือเปล่านะ?
อ้างอิง
https://www.fondazioneprada.org/project/louise-bourgeois/?lang=en
https://www.britannica.com/biography/Robert-Gober
https://www.theartstory.org/artist/gober-robert/
https://bombmagazine.org/articles/1989/10/01/robert-gober/