โบว์เวียดนาม AI และสารพัดเรื่องราวที่สั่นสะเทือนวงการดีไซน์ในปี 2023

Post on 9 January

ปี 2023 ที่ผ่านมาของแต่ละคนเป็นยังไงกันบ้าง?

ไม่ว่าคำตอบจะดีหรือร้าย แต่ที่แน่ ๆ นี่ก็เป็นอีกปีที่เต็มไปด้วยเรื่องราวสนุก ๆ ที่เข้ามาสร้างสีสันให้ชีวิตของเรามีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับความเคลื่อนไหวในวงการดีไซน์ ทั้งภายในประเทศไทย และต่างประเทศ ที่กำลังเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่เทคโนโลยีสมัยใหม่และการตลาดในโลกดิจิทัลได้ก้าวเข้ามามีบทบาทต่อการเติบโตของแวดวงอย่างปฏิเสธไม่ได้

อย่างไรก็ดี ศีลธรรมและความเหมาะสมก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยังโต้เถียงกันอีกยาว จนทำให้ปีที่ผ่านมาเต็มไปด้วยสารพัดสารพันเรื่องราว ทั้งน่าตื่นตาตื่นใจ และน่ากังวลกันตลอดทั้งปี

วันนี้ พวกเราชาว GroundControl จึงขออาสาทำหน้าที่มัดรวม 7 เรื่องราวที่สั่นสะเทือนวงการดีไซน์ในปี 2023 ที่จะพาเรากลับไปสำรวจความเป็นไปของหลากหลายแวดวงออกแบบตลอดทั้งปี …จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!

เทรนด์การตลาดสุดไวรัลแบบ JACQUEMUS

เชื่อเหลือเกินว่า หลาย ๆ คนน่าจะเคยเห็นภาพของกระเป๋า JACQUEMUS รุ่น Bambino สีส้ม สีชมพู และสีน้ำตาล ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์เท่าฝาบ้าน กำลังสัญจรไปตามถนนกลางกรุงปารีส จนดูไม่ต่างจากรถบัสในชั่วโมงเร่งด่วนผ่านหน้าฟีดบนโลกโซเชียลกันมาบ้าง

แต่ความจริงแล้ว เจ้ากระเป๋าไซส์บิ๊กเบิ้มนี้ไม่ได้ถูกผลิตขึ้นมาจริง ๆ แต่เป็นการสร้างสรรค์ภาพดิจิทัลสามมิติจากฝีมือของ Ian Padgham ศิลปินผู้เชี่ยวชาญในการผลิตวิดีโอสุดเซอร์เรียล เพื่อใช้ประกอบแคมเปญประชาสัมพันธ์กระเป๋ารุ่นดังกล่าวนั่นเอง

นอกจากแคมเปญดังกล่าวจะประสบความสำเร็จในระดับไวรัลจน JACQUEMUS ต้องปล่อยคลิปทำนองนี้ออกมาอีกหลายตัวแล้ว ยังมีอีกหลาย ๆ แบรนด์ดังที่นำเอารูปแบบการตลาดบนโลกออนไลน์เช่นนี้ไปต่อยอดจนได้ยอดไลค์ ยอดแชร์ไปไม่น้อยเช่นกัน

ยุคสมัยแห่งผู้อำนวยการสร้างสรรค์สายบันเทิง

ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่า 2023 คือปีที่มีการเปลี่ยนแปลงในแวดวงแฟชั่นโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับเหล่าดีไซเนอร์รุ่นใหญ่ที่ตัดสินใจโบกมือลาตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างสรรค์ของแฟชั่นเฮาส์ที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขก้นมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น Jeremy Scott กับ Moschino, Matthew Williams กับ Givenchy และ Sarah Burton กับ Alexander McQueen

แต่ในขณะเดียว นี่กลับเป็นปีทองสำหรับเหล่าแรปเปอร์ตัวจี๊ดที่ได้รับโอกาสให้ได้ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่กุมบังเหียนของแบรนด์แฟชั่นของคนรุ่นใหญ่ ตั้งแต่ A$AP Rocky กับ PUMA x F1® ไปจนถึง Future กับ Lanvin Lab

แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นแรปเปอร์และโปรดิวเซอร์ระดับตำนานอย่าง Pharrell Williams ที่ไม่เพียงได้ขึ้นมาทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างสรรค์ของแบรนด์ลูกเหมือนกับแรปเปอร์อีกสองคน แต่เป็นการได้รับเลือกให้ขึ้นมาทำหน้าที่สูงสุดในการดูแลเสื้อผ้าฝั่งผู้ชายของแบรนด์หรูระดับไฮเอนด์อย่าง Louis Vuitton (อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://groundcontrolth.com/blogs/bulletin-pharrell-williams-louis-vuitton)

แม้พวกเขาจะมีสไตล์ที่โดดเด่น แถมแฟน ๆ ยังพร้อมใจกันร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของคนบันเทิงเหล่านี้ที่มีโอกาสได้ก้าวขึ้นมาทำงานในอีกสายอาชีพ แต่ในขณะเดียวกัน เส้นทางการเป็นนักออกแบบแฟชั่นของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะมันมาพร้อมข้อครหาว่า พวกเขาใช้ชื่อเสียงมาแย่งงานของนักออกแบบมืออาชีพที่ยังคงต้องดิ้นรนจากศูนย์

…ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่า ในระยะยาว พวกเขาจะสามารถพิสูจน์ตัวตนและผลงานในเส้นทางนี้ได้มากน้อยแค่ไหน

กำเนิดนักออกแบบ AI คนแรกของโลก

ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงที่ดูจะไม่มีวันจบง่าย ๆ สำหรับของเรื่องของ AI กับแวดวงศิลปะและการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นลิขสิทธิ์ ศีลธรรม ข้อจำกัด การควบคุม รวมไปถึงความกังวลว่า ปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้จะถูกพัฒนาไปไกลกว่าการเป็นเพียง ‘เครื่องมือ’ ของมนุษย์ แต่กลายมาเป็น ‘คู่แข่ง’ ของมนุษย์แทน

แต่ไม่ว่าคุณจะมีความคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นดังกล่าว ตอนนี้โลกของเราก็ได้มีนักออกแบบ AI คนแรกของโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

ชื่อของเธอคือ Tilly Talbot นักออกแบบปัญญาประดิษฐ์จากฝีมือการสร้างสรรค์ของ Studio Snoop ที่เพิ่งถูกเปิดตัวไปที่งาน Milan Design Week ที่ผ่านมา โดยเธอถูกป้อนข้อมูลเรื่องแนวคิดและหลักการในการออกแบบของสตูดิโอสัญชาติออสเตรเลียแห่งนี้ ที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลางในการพัฒนา และยังให้ความสำคัญกับธรรมชาติอีกด้วย

ดังนั้น หน้าที่ของเธอจึงไม่ใช่การเข้ามา ‘แย่ง’ งานของนักออกแบบ แต่เป็นการ ‘ร่วมมือ’ กันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ โดยมีเธอทำหน้าที่รีเช็ค และแนะนำความเป็นไปได้อื่น ๆ ที่มนุษย์อาจจะตกหล่นไปบ้างนั่นเอง

โบว์เวียดนามและสุนทรียะแบบ Coquette

ในขณะที่โลกแฟชั่นตะวันตกต่างกรีดร้องกับคอลเลกชันเสื้อผ้าและเครื่องประดับรูปโบว์สุดคิวต์โดยฝีมือการออกแบบของ Sandy Liang แบรนด์แฟชั่นรุ่นใหม่จากมหานครนิวยอร์ก แต่เราเชื่อเหลือเกินว่า ถ้าหากเราเดินไปถามสาว ๆ สายแฟฯ ในไทยว่าเห็นโบว์สุดตะมุตะมิเหล่านี้แล้วจะนึกถึงแบรนด์อะไร อาจจะมีเพียงไม่ถึงครึ่งเท่านั้นที่เลือก Sandy Liang เป็นคำตอบสุดท้าย เพราะดูยังไง๊ยังไงนี่มันก็คือ…

“โบว์เวียดนาม!!!”

น่าสนใจที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบรนด์จากฝั่งเวียดนามเริ่มก้าวเข้ามีบทบาทในวงการแฟชั่นของเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะกับแบรนด์ดังอย่าง FANCì CLUB, L Seoul และ She by Shj ที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้โบว์ธรรมดา ๆ กลายมาเป็นโบว์เวียดนามที่โด่งดังไปไกล จนเหล่าเซเลบระดับ A-List ทั่วโลกต้องเฟ้นหามาสวมใส่

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็นโบว์ของ Sandy Liang หรือโบว์เวียดนาม ต่างก็ได้รับอิทธิพลมาจากสุนทรียะแบบ Coquette ที่ว่าด้วยความน่ารักแต่เย้ายวนของเด็กสาววัยแรกรุ่นแบบในหนังสือ Lolita ของ Vladimir Nabokov สังเกตได้จากองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบอย่างโบว์ ลูกไม้ ระบาย ไข่มุก ดอกไม้ รองเท้าบัลเลต์ ฯลฯ ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าผู้คนจะยัง ‘อิน’ สุนทรียะแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ แต่ที่แน่ ๆ 2023 คือปีของ Coquette จริง ๆ !

ปีทองของอาร์ตทอยและสารพัดกล่องสุ่ม

ยังจำปรากฏการณ์ห้าง centralwOrld แตก จากการเปิดตัวแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในไทยของ Pop Mart เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้ไหม?

สื่อหลายสำนักรายงานว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 แบรนด์อาร์ตทอยสุดร้อนแรงจากจีนแบรนด์นี้มีรายได้แตะไปถึง 2,814 ล้านหยวน หรือเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึงกว่า 19.3% โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 535 ล้านหยวน หรือคิดเป็น 42.3% เลยทีเดียว

จริงอยู่ที่วงการอาร์ตทอยนั้นอาจไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับนักสะสมที่หลงใหลในความน่ารักของเหล่าคาแรกเตอร์ตัวจิ๋ว แต่ในอดีต อาร์ตทอยเหล่านี้ก็ยังมีราคาค่าตัวที่ค่อนข้างสูง รวมถึงการซื้อขายก็ยังจำกัดวงแคบอยู่ในเฉพาะกลุ่มคนที่สนใจเท่านั้น ในขณะที่ปัจจุบัน น้อง ๆ เหล่านี้กลับกลายเป็นของสะสมที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้

สาเหตุของการเติบโตในครั้งนี้ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความนิยมของอาร์ตทอยแบบกล่องสุ่มที่เปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสกับความลุ้นระทึกจากการ ‘จุ่ม’ แต่ละครั้งว่าจะ ‘เกลือ’ หรือไม่ แถมราคาต่อกล่องก็ยังไปไกลสุดแค่เพียงหลักร้อยเท่านั้น จนทำให้ศิลปินสายคาแรกเตอร์ทั้งไทยและเทศต่างแข่งกันปล่อยผลงานคอลเลกชันใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

งานอาร์ตสุดล้ำจากวงการ K-Pop

สำหรับแฟน ๆ ที่ติดตามเหล่าไอดอลจากประเทศเกาหลีใต้มาอย่างยาวนานแล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เราจะได้เห็นงานภาพล้ำ ๆ มิวสิกวิดีโอสุดแฟนซี หรือแพกเกจอัลบั้มแสนอลังการในวงการ K-Pop นักเพราะเป็นที่รู้กันว่า อุตสาหกรรมดนตรีจากแดนโสมเขาขึ้นชื่อเรื่องความเล่นใหญ่ จัดเต็ม มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

แต่สำหรับเหล่ามักเกิล (ศัพท์แสลงในวงการติ่ง หมายถึง คนทั่วไปที่ไม่ได้ติดตามวงการ K-Pop) ก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2022 ล่วงมาถึงตลอดทั้งปี 2023 มีวงไอดอลมากมายที่นำเสนองานอาร์ตอันแสนโดนเด่นจนไปเตะตาคนนอกด้อมอย่างพวกเขาให้เริ่มหันมาสนใจงานออกแบบจากทางฝั่งนี้กันมากยิ่งขึ้น

เริ่มตั้งแต่วง NewJeans กับการเปิดตัวเดบิวต์ด้วยอีพี NewJeans ที่นำสุนทรียะแบบ Y2K กลับมาชุบชีวิตให้โลดแล่นอีกครั้ง ทั้งในส่วนของการสไตลิ่งลุคแฟชั่นน่ารัก ๆ การออกแบบกราฟิก แพกเกจอัลบั้ม และสินค้า merchandise ที่ให้กลิ่นอายสไตล์ 2000s เต็ม ๆ

หรือล่าสุดกับ Red Velvet วงเกิร์ลกรุปห้าสาวที่แม้จะถูกจดจำจากงานภาพ ‘สวยหลอน’ ที่ไม่เคยทำให้แฟน ๆ ผิดหวังสักครั้ง แต่ในครั้งนี้สาว ๆ ก็ก้าวไปอีกขั้นกับการทำงานร่วมกับ Cho Gi-Seok ช่างภาพสายอาร์ตคนดังที่มีลายเซ็นอันเป็นเอกลักษณ์ ร่วมกันถ่ายทอดภาพคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มเต็มชุดที่สามอย่าง Chill Kill จากสุนทรียะแบบวัฒนธรรมตะวันออกสุดดาร์ก จนสร้างเสียงฮือฮากันไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงแพกเกจอัลบั้มที่ถูกปล่อยออกมามากถึง 5 เวอร์ชัน แต่ก็ยังถูกออกแบบมาอย่างสวยงามและควรค่าแก่การเก็บสะสมทุกแบบ

ขึ้นสุด ลงสุดกับ BALENCIAGA และประเด็นอื้อฉาวที่ยังยิงยาวข้ามปี

จากแฟชั่นเฮาส์สุดสร้างสรรค์ที่มีผู้คนรอคอยที่จะได้เห็นคอลเลกชันใหม่ ๆ อยู่เสมอ สู่แบรนด์ที่โดนครหาว่าสนับสนุนการใคร่เด็กจากการใส่หลากหลายองค์ประกอบที่น่าสงสัยลงในภาพโปรโมทคอลเลกชัน Spring 2023 และแคมเปญ BALENCIAGA Gift Shop จนโดนผู้คนต่อต้านเป็นวงกว้าง (อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://groundcontrolth.com/blogs/balenciaga-pedo-controversy)

ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่า ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน แม้ BALENCIAGA ภายใต้การนำทีมของ Demna Gvasalia จะพยายามกู้ภาพลักษณ์ให้กลับมายิ่งใหญ่ดังเดิมอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถกลับมาทวงบัลลังก์แบรนด์แฟชั่นสายล้ำในพื้นที่สื่อได้เหมือนเช่นเคย

ใน Fall 2024 คอลเลกชันล่าสุดที่ทาง BALENCIAGA ไปจับมือกับ Erewhon ซูเปอร์มาร์เก็ตออร์แกนิกขวัญใจหนุ่มสาวชาวฮอลลีวูด โดยตั้งเป้าหมายจะ ‘back to basic’ หรือกลับไปสำรวจแก่นแท้ของการทำเสื้อผ้าอีกครั้ง จนได้ผลลัพธ์เป็นคอลเลกชันชุดลำลองสบาย ๆ เหมือนได้รับบทเป็นเซเลบในย่านเบเวอร์ลีฮิลส์ที่ออกไปวิ่งจ็อกกิ้งชิล ๆ ยามเช้า (แต่ยังแอบติดแกลมนิด ๆ) อย่างไรก็ดี คอลเลกชันดังกล่าวก็ยังไม่ได้สร้างเสียงฮือฮาอย่างที่เคย แม้จะเต็มไปด้วยไอเทมดึงดูดสายตามากมาย

ต้องมาจับตาดูกันว่า ก้าวต่อไปของ Gvasalia และ BALENCIAGA จะไปในทิศทางไหนในอนาคต