‘ภาพยนตร์’ และ ‘ดนตรี’ ทั้งสองสิ่งนี้ใช้ภาษาร่วมกัน ซึ่งเป็นภาษาสากลที่สามารถเข้าถึงความคิดและความรู้สึกของผู้คนโดยไม่มีคำต้องอธิบายใด
หากลองจินตนาการถึงภาพยนตร์ ‘Spirited Away’ ที่ไม่มีท่วงทำนองของเพลง ‘One Summer’s Day’ เป็นฉากหลังแล้ว เราแทบจะมองไม่ออกเลยว่าภาพยนตร์จะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน สิ่งนี้การันตีได้อย่างชัดเจนถึงความสำคัญของเพลงประกอบภาพยนตร์ที่มีส่วนอย่างมากต่อการดำเนินเรื่อง สื่อความรู้สึกตัวละคร และส่งผลถึงอารมณ์ของผู้ชม
บทเพลงมากมายจากแผ่นเสียงของพ่อ คือจุดประกายเส้นทางสายดนตรีให้แก่นักประพันธ์เพลงชั้นครูชาวญี่ปุ่นที่สร้างชื่อเสียงระดับโลกอย่าง โจ ฮิซาอิชิ (Joe Hisaishi) พรสวรรค์ด้านดนตรีของเขาเฉิดฉายตั้งแต่อายุได้เพียง 5 ปี ฮิซาอิชิเก็บเกี่ยวคลังความสนใจด้านดนตรีจากศิลปินและนักประพันธ์เพลงจากหลากหลายแนว ขณะที่เรียนอยู่วิทยาลัยดนตรี Kunitachi เขาค้นพบความหลงใหลในดนตรีแนวมินิมอลของ Philip Glass และ Steve Reich หลังจากเรียนจบ เมื่อเขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของดนตรี เขาก็ตั้งมั่นในทางสายนี้ และเริ่มต้นอาชีพด้วยการประพันธ์เพลงร่วมสมัยตั้งแต่นั้นมา
ฮิซาอิชิเปิดตัวอัลบั้มแรกของเขาในชื่อ ‘MKWAJU’ ในปี 1981 และอัลบั้มที่สอง ‘Information’ ในปีถัดมา เพลงของเขาสร้างความประทับใจให้แก่ ฮายาโอะ มิยาซากิ เป็นอย่างมาก จนได้รับการทาบทามจาก อิซาโอะ ทาคาฮาตะ ซึ่งขณะนั้นเขาเป็นโปรดิวเซอร์ให้แก่ภาพยนตร์เรื่อง Nausicaä of the Wind Valley (1984) จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างเขาและ Studio Ghibli
เพลงของฮิซาอิชิปรากฏอยู่เบื้องหลังภาพยนตร์แอนิเมชันแทบทุกเรื่องของฮายาโอะ มิยาซากิ เสมือนเป็นปอดที่ช่วยหล่อเลี้ยงลมหายใจให้แก่มิยาซากิเลยก็ว่าได้ เพลงของเขาปรากฏในภาพยนตร์ดังมากมายอย่าง Howl's Moving Castle, My Neighbor Totoro, Princess Mononoke, Ponyo และ Spirited Away
ในระหว่างการทำงานร่วมกัน มิยาซากิจะอธิบายสิ่งที่เขาต้องการให้กับฮิซาอิชิฟังอย่างจริงใจ หลังจากนั้น ฮิซาอิชิก็จะเริ่มทำความเข้าใจกับสตอรี่บอร์ดของมิยาซากิอย่างละเอียด เขาใช้ธีมของเรื่องเป็นที่ตั้ง เพื่อทำให้เพลงประกอบภาพยนตร์สามารถสื่อสารสิ่งที่ผู้กำกับต้องการไปถึงผู้ชมให้ได้มากที่สุด
ฮิซาอิชิได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เพลงประกอบภาพยนตร์แอนิเมชันให้สตูดิโอจิบลิจากกระแสการประพันธ์ดนตรีแบบอิมเพรสชั่นนิสต์ โดยเฉพาะจากศิลปินที่ชื่อ Claude Debussy เพลงเหล่านี้มักเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและความหวังที่ช่วยปลอบประโลมผู้คน ซึ่งเป็นหนึ่งในธีมหลักที่สตูดิโอจิบลิมักพูดถึงในภาพยนตร์ ทุกครั้งที่เราได้ยินเสียงเพลงของฮิซาอิชิ ภาพความงดงาม เรียบง่าย และเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณในหนังของจิบลิก็มักจะลอยมาควบคู่กันเสมอ
หากเพลงโดดเด่นกว่าภาพจนเกินไป ก็อาจทำให้ผู้ชมได้รับสารที่ผู้กำกับต้องการจะสื่ออย่างไม่ครบถ้วน ฉะนั้นการหลอมรวมกันระหว่างเพลง ภาพ และตัวเรื่อง ให้กลายเป็นภาษาเดียวกันคือภาษาของภาพยนตร์ จึงมีความสำคัญและมีผลอย่างมากต่อความเข้าใจและความรู้สึกของผู้ชมเป็นอย่างมาก ซึ่งฮิซาอิชิทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อเหล่าเด็ก ๆ ได้ชมภาพยนตร์ของจบลิที่มีบทเพลงของฮิซาอิชิคลออยู่เบื้องหลัง พวกเขาก็จะรู้สึกสนุกตามไปด้วย ในขณะเดียวกัน เมื่อผู้ใหญ่ได้ยินเพลงของฮิซาอิชิ ความทรงจำอันแสนงดงามและล้ำค่าก็จะปรากฏขึ้นตรงหน้าเช่นกัน
บทเพลงที่มิยาซากิและฮิซาอิชิได้สร้างขึ้นร่วมกัน คือความประทับใจที่ครอบคลุมทุกความรู้สึก ทำให้เพลงและหนังของพวกเขากลายเป็นสิ่งที่อยู่คู่กัน การฟังเพลงของ Ghibli ทุกครั้งจึงทำให้เราหวนนึกถึงบรรยากาศของหนังและมีอารมณ์ร่วมไปกับความทรงจำของเราเสมอ
ร่วมดื่มด่ำในบรรยากาศชวนอิ่มเอมใจในบทเพลงประกอบภาพยนตร์ของ Studio Ghibli ประพันธ์โดยฮิซาอิชิได้เพียงคลิกเพื่อรับฟัง
GroundControl Self-Quarantour SS2
ตอนที่ 3 GHIBLI INSPIRATION
วันพฤหัสบดีที่ 6 พ.ค. นี้
Live สด ที่เพจ : GroundControl เวลา 19:30 น. เป็นต้นไป