GC_MultiCover_The Hacker.jpg

ยังจะซื้ออยู่ไหม… ถ้าของจริง ‘ดูปลอม’ ซะยิ่งกว่าของปลอม? The Hacker Project: GUCCI x BALENCIAGA โปรเจกต์ที่ทำให้เราตั้งคำถามถึงวงการแฟชั่นอีกครั้ง

Post on 7 May

ไม่ว่าจะด้วยความคิดสร้างสรรค์หรือการแสวงหาผลกำไรมหาศาล แต่ในโลกทุนนิยมของวงการแฟชั่น การจับมือกันระหว่างสองแบรนด์เพื่อออกแบบคอลเลกชั่นเสื้อผ้าหน้าตาเก๋ไก๋ร่วมกันคงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่นัก เพราะที่ผ่านมาก็มีตัวอย่างของการคอลแลบระดับแมทช์หยุดโลกเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งที่ประสบความสำเร็จแบบถล่มทลายจนกลายเป็นภาพชินตาที่จะได้เห็นเหล่าคนสายแฟฯ ต่อคิวยาวเหยียดหน้าช็อปหรู เพื่อจะได้เป็นคนแรก ๆ ที่ได้จับจองไอเทมสุดฮอตของฤดูกาล

แต่สำหรับสองแฟชั่นดีไซเนอร์หัวหอกแห่งยุคอย่าง อเลสซานโดร มิเคเล (Alessandro Michele) จาก GUCCI และ ดีมนา กวาซาเลีย (Demna Gvasalia) จาก BALENCIAGA ความร่วมมือสร้างสรรค์คอลเลกชั่นแบบบ้าน ๆ คงจะธรรมดาเกินไปสำหรับสองบิ๊กเนมแห่งโลกแฟชั่น พวกเขาจึงผุดไอเดียการขโมยตัวตนและภาพจำของอีกแบรนด์มาผนวกเข้ากับการออกแบบของตัวเองแบบมัน ๆ ทั้งในแง่ลวดลายและโครง Silhouette เรียกได้ว่า เห็นแค่ปราดเดียวก็มองออกว่านี่คือเอกลักษณ์ของ GUCCI และ BALENCIAGA หากการ ‘คอลแลบ’ หมายถึงการจับมือกันสร้างสิ่งใหม่ร่วมกัน สิ่งที่มิเคเลและกวาซาเลียทำจึงเป็นเหมือนการ ‘แฮก’ เพื่อขโมยเอกลักษณ์ของกันและกันเสียมากกว่า เกิดเป็นสิ่งที่กวาซาเลียให้นิยามไว้ว่าเป็น ‘การฉกฉวยที่ถูกกฎหมาย (Legal Appropriation)’  ...และแน่นอนว่า ไอเดียสุดล้ำนี้ก็เกิดขึ้นได้ เพราะทั้ง GUCCI และ BALENCIAGA ต่างก็ถูกดูแลอยู่ภายใต้ร่มเงาของเครือ Kering ทั้งคู่นั่นเอง

<p>GUCCI Aria Collection&nbsp;</p>

GUCCI Aria Collection 

<p>GUCCI Aria Collection&nbsp;</p>

GUCCI Aria Collection 

สัญญาณแรกของโปรเจกต์ The Hacker Project ปรากฏให้เห็นครั้งแรกใน Aria Collection คอลเลกชั่นฉลองครบรอบ 100 ปีของ GUCCI ในช่วงเดือนเมษายน 2021 โดยมีการนำโลโก้ BALENCIAGA มาพิมพ์พาดลงบนหลายต่อหลายลุค อีกทั้งยังมีการดึงโครง Silhouette เอกลักษณ์ของแบรนด์หัวขบถมาใช้ในการออกแบบคอลเลกชั่นด้วย ถัดมาไม่นาน ในช่วงเดือนมิถุนายน BALENCIAGA ก็กลับมาพร้อมกับคอลเลกชั่น Spring 2022 Clones Collection ที่ไปหยิบเอาภาพจำของแบรนด์สัญชาติอิตาลีอย่างตัว Double G มาใช้ในการออกแบบ ทั้งในส่วนหัวเข็มขัดสุดฮิต (ฮิตไม่ฮิตก็มีเพลง “GUCCI BELT งูมันเลื้อยเข้ามาอยู่ที่เอว” มาแล้ว) รวมถึงลวดลายโมโนแกรมบนกระเป๋า Tote Bag ที่สาว ๆ ทั่วทั้งโลกต้องมีติดบ้าน มองเผิน ๆ ไอเทมเหล่านี้ดูเหมือนถูกส่งตรงมาจากช็อปของ GUCCI ยังไงยังงั้น แต่เมื่อเข้าไปสังเกตรายละเอียดใกล้ ๆ ก็จะพบว่า ตัว Double G ที่ BALENCIAGA นำมาใช้ในครั้งนี้ กลับกลายเป็นตัว Double B ตามชื่อแบรนด์ของตัวเองแทน นอกจากนั้น ยังมีการพ่นคำว่า ‘This is not a GUCCI bag’ หรือที่แปลเป็นไทยว่า ‘นี่ไม่ใช่กระเป๋า GUCCI’ ลงบนกระเป๋าโมโนแกรมใบเดิม

<p>BALENCIAGA Spring 2022 Clones Collection</p>

BALENCIAGA Spring 2022 Clones Collection

<p>BALENCIAGA Spring 2022 Clones Collection</p>

BALENCIAGA Spring 2022 Clones Collection

ไม่เพียงแค่เสื้อผ้าและเครื่องประดับเท่านั้นที่มีการแฮกตัวตนและภาพจำของอีกแบรนด์มาใส่ แต่เมื่อสินค้าใน The Hacker Project ก็ถูกนำมาลงขายจริงในช็อปกว่า 74 สาขาทั่วโลก ทั้งป็อปอัพและสแตนด์อโลน เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา BALENCIAGA ก็ยังแปลงโฉมช็อปทั่วโลกให้เหมือนถูกบุกยึดโดย GUCCI จริง ๆ ทั้งการนำลวดลายโมโนแกรมมาใช้บนม่านและพรมกำมะหยี่ รวมไปถึงมีการพ่นคำว่า GUCCI ที่บริเวณผนังนอกร้านเคียงคู่กับชื่อ BALENCIAGA ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า การนำศิลปะกราฟฟิตี้มาใช้ผสมผสานในการออกแบบคอลเลกชั่นนี้ ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำจุดยืนความแหกขนบของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

<p>The Hacker Project: GUCCI x BALENCIAGA</p>

The Hacker Project: GUCCI x BALENCIAGA

สิ่งที่เกิดขึ้นใน The Hacker Project ในครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งหมายเพียงเพื่อสร้างเสื้อผ้าและเครื่องประดับสุดฮิปที่มีทั้งกลิ่นอายความย้อนยุคแต่มีสไตล์แบบ GUCCI และความกล้าบ้าบิ่นแบบ BALENCIAGA เท่านั้น แต่มันยังต้องการจะจุดประกายและตั้งคำถามถึง ‘ความจริงแท้’ ของสินค้าแฟชั่น รวมไปถึงกระแสคลั่งไคล้ลวดลายโลโก้ (Logomania) มิเคเลและกวาซาเลียเชื่อว่า ตราบใดที่ยังมีแบรนด์แฟชั่นหรูหราราคาแพงอยู่ สินค้าปลอมแปลงก็จะไม่มีวันหายไปไหน พวกเขาสนใจวิธีการที่ของลอกเลียนแบบเหล่านั้นก็มีวิธีการสร้างสรรค์ในแบบของตัวเอง ทั้งการนำภาพจำของหลาย ๆ แบรนด์มามัดรวมกันในชิ้นเดียว หรือแม้แต่การตั้งใจพิมพ์ชื่อแบรนด์ต้นแบบผิด เพื่อหลีกเลี่ยงการฟ้องร้องที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น ลวดลายโมโนแกรมและรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ปรากฏอยู่ใน The Hacker Project จึงเป็นเหมือนการล้อเลียนและปั่นหัวเหล่าแฟชั่นนิสต้าทั่วโลกเสียมากกว่าว่า พวกเขาจะกล้าควักเงินหลักหมื่นหลักแสนเพื่อเป็นเจ้าของไอเทมแฟชั่นที่ดูเหมือนของก็อปราคาไม่กี่ร้อยที่สามารถหาซื้อได้ตามตลาดนัดหรือไม่

<p>The Hacker Project: GUCCI x BALENCIAGA</p>

The Hacker Project: GUCCI x BALENCIAGA

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ BALENCIAGA ออกมาล้อเลียนเหล่าแฟชั่นนิสต้าคนคูลที่มีรสนิยมสูงส่ง แต่ก่อนหน้านี้ แบรนด์ดังก็เคยเปลี่ยนของสุดเชยที่ทุกคนหยามเหยียดอย่างถุงสายรุ้งที่คนไทยสามารถพบเห็นได้ชินตาตามตลาดสำเพ็งมาเป็นไอเทมชิค ๆ ที่ทุกคนต้องกรีดร้องในคอลเลกชั่น Fall/Winter 2016 หรือแม้แต่ในคอลเลกชั่น Spring 2018 แบรนด์หัวขบถนี้ก็ยังปั่นไม่หยุดด้วยการไปจับมือกับ Crocs แบรนด์รองเท้าแตะสวมใส่สบายที่เหล่าคนสายแฟฯ ต่างก็เคยลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นรองเท้าหน้าตาอัปลักษณ์ที่ไม่ว่าจะถูกนำไปแมทช์กับเสื้อผ้าชุดไหนก็ทำให้ลุครวม ๆ ดูเฉิ่มขึ้นมาได้ในพริบตา แต่ความย้อนแย้งก็เกิดขึ้น เมื่อรองเท้าคู่เดิมถูกแปะป้ายแบรนด์ BALENCIAGA ก็กลับดูเก๋กู๊ดขึ้นมาทันตาจนกลายเป็นไอเทมยอดฮิตที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเป็นลำดับต้น ๆ ของฤดูกาลนั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้เราต้องกลับมาตั้งคำถามว่า สุดท้ายแล้ว คุณค่าของแฟชั่นอยู่ที่อะไร หน้าตาและวัสดุที่ใช้ในการออกแบบ หรือความนิยมของตัวแบรนด์กันแน่

เช่นเดียวกับใน The Hacker Project มันตั้งคำถามกับสังคมบริโภคนิยมที่มูลค่าของสรรพสิ่งถูดวัดจากแบรนดิ้งและการทำตลาดที่ชาญฉลาดมากกว่าคุณค่าที่แท้จริงของตัวมันเอง หลาย ๆ คนถึงกับกล่าวว่า โปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ของสองแบรนด์ดังในครั้งนี้สามารถวิพากษ์สังคมได้อย่างเจ็บแสบ และยังทำลายแนวคิดและโครงสร้างการผลิตผลงานแฟชั่นแบบเดิม ๆ จนแทบไม่ต่างจากวิธีคิดในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะยังไงยังงั้น

แหล่งข้อมูล:
https://www.esquiresg.com/features/hacker-project-gucci-balenciaga-collection-alessandro-michele-demna-gvasalia/
https://www.highsnobiety.com/p/gucci-balenciaga-hacker-project-bags/
https://www.femalemag.com.sg/gallery/fashion/balenciaga-gucci-the-hacker-project-merchandise-collaboration-accessories/
https://www.vogue.co.uk/news/article/gucci-balenciaga-aw21
https://www.nylon.com/fashion/where-to-buy-gucci-balenciaga-collab-hacker-project