ถ้านับตั้งแต่วันแรกที่หนังสือนิยายภาพชุด NINE LIVES ของทรงศีล ทิวสมบุญออกปรากฏสู่สายตาผู้อ่าน จากวันนั้นจนถึงวันนี้เวลาผ่านมากว่า 16 ปีแล้ว
ตัวเลขปีดังกล่าวมากพอทำให้เด็กกลายเป็นวัยรุ่น หรือจากวัยรุ่นกลายเป็นวัยผู้ใหญ่ เช่นเดียวกันกับตัวทรงศีลเองที่ 16 ปีผ่านมาก็มีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงเติบโต ยกตัวอย่างเช่นมุมมองต่อผลงานและตัวเขาเอง
และเนื่องในโอกาสที่ NINE LIVES The 1st Solo Exhibition by Songsin Tiewsomboon นิทรรศการเดี่ยวเต็มตัวครั้งแรกในชีวิตการทำงานที่ทรงศีลจัดร่วมกับ @TrendyGallery.Art มีขึ้นในวันที่ 11 มิถุนายน - 11 กรกฎาคมนี้ พวกเราชาว GroundControl จึงนัดหมายเขาเพื่อเดินชมนิทรรศการร่วมกัน พร้อมพูดคุยกันถึงรอยทางและสิ่งที่ตกตะกอนตลอด 16 ปีที่ผ่านมา
16 ปีที่ผ่านมา, 9 ชีวิตแมว และ 1 ช่วงเวลาของทรงศีลเป็นอย่างไร - สัมผัสทั้งหมดได้ผ่านบทความนี้
ทำไมต้อง Nine Lives
“จริงๆ นิทรรศการนี้ถูกวางแผนไว้นานมากแล้วครับ เป็นความตั้งใจของเรามาตลอด เนื่องจากโดยส่วนตัว งานที่เราทำเป็นเหมือนการผสมผสานของ 2 สิ่ง นั่นคือการเขียนหนังสือและรูปวาด แต่ในขณะเดียวกัน เวลาที่เราวาดภาพเหล่านี้ บางครั้งเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังวาดภาพประกอบ เพราะหลายครั้งถ้าทำอย่างถูกต้อง ตัวภาพเองสามารถเล่าเรื่องได้ดีกว่าตัวหนังสือด้วยซ้ำ ภาพสามารถอยู่อย่างลำพังเพื่อสื่อสารกับคนได้
“แต่ท่ามกลางผลงานของเราที่หลากหลาย สาเหตุที่ในนิทรรศการครั้งแรกนี้เป็น Nine Lives นั้นมาจากคำถามที่เรามักได้ยินมาบ่อยๆ ครับ ว่า ‘ถ้าอยากเริ่มอ่านงานพี่ ควรเริ่มอ่านเล่มไหนดี’ ซึ่งเรามักตอบคำถามดังกล่าวด้วยหนังสือเล่มนี้
“เพราะด้วยเรื่องราวแล้ว Nine Lives เป็นหนังสือที่จบในตัวเอง ถึงมี 2 เล่มก็ไม่จำเป็นต้องอ่านเรียงเล่ม และเท่าที่เราสังเกตุจากผู้อ่าน เนื้อหาของ Nine Lives ก็ไม่ได้อาศัยเรื่องของวัยในการทำความเข้าใจมากนัก ดังนั้นพอต้องจัดนิทรรศการ เราเลยเชื่อว่าสิ่งนี้แหละ ที่ทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงได้ง่ายและเหมาะสมที่สุด”
กำเนิด Nine Lives ผ่านความหวังในชีวิต
“ตอนที่เราเขียน Nine Lives ขึ้นมา คือช่วงที่เราเรียกว่า ‘วัยรุ่นชีวิตพัง’ ครับ
“ตอนนั้นเราน่าจะอายุประมาณ 27 ปี เป็นช่วงที่เลิกกับแฟนที่คบจริงจังและคิดว่าจะแต่งงานกัน วงดนตรีที่เราทำและรักมากที่สุดก็มาวงแตก ทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันในช่วงเวลานั้น จนเรารู้สึกเหมือนตัวเองไปยืนอยู่ตรงกลางทางแยกของทุกอย่าง รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าชีวิตตัวเองตกต่ำแล้ว ทำไมล้มเหลวในทุกเรื่องได้แบบนี้
“แต่ในระหว่างนั้นเราก็ได้ค้นพบบางอย่าง ว่าในช่วงเวลาที่ยากมากๆ เรามีแค่งานวาดรูปและเขียนหนังสือเท่านั้นที่สามารถลงมือทำจนสำเร็จได้
“งานทำให้เรารู้สึกมีคุณค่า จนมันกลายเป็นยาสำหรับมนุษย์ประเภทเรา ทำให้จากจุดที่ล้มเหลว เราใช้เวลา 1 ปีในการเขียน Nine Lives เล่มแรกขึ้นมา โดยที่ระหว่างนั้นตัวเราก็ได้รับการเยียวยาให้ดีขึ้นทีละน้อย และนั่นยังส่งผลให้เราคิดต่อไปด้วยว่าแล้วคนที่เขาเจอแบบเราล่ะ มีอะไรที่ช่วยเขาได้หรือเปล่า Nine Lives จึงผสมความตั้งใจนี้ลงไปด้วย จนออกมาเป็นนิยายภาพที่บอกเล่าเรื่องราวอย่างที่เห็น
“ยกตัวอย่างสิ่งที่เล่าจากเจ้าแมวดำในภาพนี้ก็ได้ ในเนื้อเรื่องแมวดำตัวนี้จะสิ้นหวังในชีวิตมาก่อน แต่ต่อมามันก็จะได้พบอะไรบางอย่างที่ทำให้เข้าใจว่าตัวเองมีความหมาย ซึ่งพอมาย้อนคิดดู นั่นคงเป็นสิ่งที่เราอยากบอกตัวเองและส่งต่อให้คนอื่น
“และความพิเศษในงานนิทรรศการนี้ ภาพแมวดำภาพนี้จะเป็นรูปเดียวเลยที่เราวาดขึ้นมาใหม่ครับ เพราะเราต้องการความเป็นปัจจุบันสักรูปหนึ่งเพื่อให้เห็นการเดินทางที่ผ่านมา”
เครื่องบันทึกความทรงจำ
“เอาจริงรูปทุกรูปในงานนิทรรศการนี้ เราจำเรื่องราวตอนที่วาดมันได้หมดเลยนะ
“เราจำได้ว่าตอนที่วาดเรารู้สึกแบบไหน อย่างบางรูปก็จำได้ถึงเหตุการณ์ที่พ่วงมากับรูป ทั้งที่ประทับใจ ลำบากใจ หรือเศร้าใจ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเวลาทำงาน เราจะใส่ความรู้สึกลงไปด้วยเสมอ เส้นสาย รอยดินสอ หรือรอยสีมีความรู้สึกของเราเก็บอยู่ในนั้นจริงๆ
“อย่างภาพที่พิเศษจจะเป็นภาพนี้ นี่คืองานที่ประหลาดสำหรับเรามาก เพราะเราจำมันได้มากเกินไปด้วยซ้ำ เช่น เราจำได้ว่าตอนวาดใบไม้ใบนี้ (ชี้ใบไม้เล็กๆ ใบหนึ่งในภาพ) เราคิดว่ามันต้องสีสดขึ้นอีกนิดนึง เราจำได้แม้กระทั่งว่าเราวาดภาพนี้นานมากๆ จนเงยหน้ามาอีกทีฟ้าจะมืดแล้ว มองออกไปที่ระเบียงนอกห้องทำงานก็เจอภรรยาขึ้นมาทัก จำได้ด้วยว่าลงจากห้องทำงานมาแล้วทานอะไร และที่สำคัญคือจำได้ว่าเรารู้สึกกลับมาสบายใจกับงานตัวเองได้อีกครั้งจากงานนี้ เพราะอย่างน้อยในความวุ่นวายทั้งหลาย เราทำสิ่งที่ยากขนาดนี้ออกมาสำเร็จ
“ดังนั้นงานเหล่านี้จึงเป็นข้อดีของเราเหมือนกันในฐานะของเครื่องบันทึกความทรงจำ เพราะคนเราพอเติบโตขึ้นไป มันมีโอกาสอยู่แล้วที่ตัวเราจะกลายเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ แต่ภาพเหล่านี้แหละที่คอยช่วยเตือนและคอยดึงเรากลับมาให้โลกนี้กลายเป็นคอมฟอร์ตโซนอีกครั้ง”
แมวเก้าชีวิตที่สื่อสารกับคนอีกหลายชีวิต
“จากวันแรกจนถึงวันนี้ ความรู้สึกต่อ Nine Lives ของเราเปลี่ยนไปมาก ตอนนี้เรารู้สึกว่าเขายิ่งใหญ่กว่าตัวเรามากๆ เพราะตลอดระยะเวลาที่ออกมามีชีวิตบนหน้ากระดาษ เขาได้ออกไปเจอและสื่อสารกับผู้คนด้วยตัวเขาเอง เขาได้ไปมีชีวิตของตัวเองขึ้นมาแล้ว
“(นิ่งคิด) เราว่าสิ่งเหล่านี้แหละคือความพิเศษของศิลปะ งานที่เราทำสามารถชวนคนดูคุยผ่านตัวมันเองได้ โดยไม่ได้บอกว่าพวกเขาต้องคิดอะไร มันสามารถเข้าถึงความละเอียดอ่อนของคนที่หลากหลายได้โดยไม่ชี้นำ เป็นคำถามปลายเปิดที่เปิดโอกาสให้แต่ละคนเอามาแชร์กันว่าคิดยังไง
“และเราว่าเหตุผลนี้แหละ ที่ทำให้คน ‘รู้สึก’ กับภาพๆ หนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องของการชอบหรือไม่ชอบ มันไม่ใช่แค่เรื่องคุณภาพหรือความทรงจำอย่างเดียว แต่มันเป็นเรื่องของการสัมผัสได้ว่างานเหล่านี้บันทึกความรู้สึกอะไรไว้ แล้วสื่อสารกับเรายังไง สำหรับเราตรงนี้คือเวทย์มนตร์นะ และเป็นเหตุผลให้เราอยากจัดนิทรรศการขึ้นมาด้วย
“เพราะต่อให้อธิบายความรู้สึกหรือความทรงจำในงานแต่ละชิ้นขนาดไหน สิ่งที่สัมผัสได้จะไม่เหมือนกับที่คนดูจะได้สื่อสารกับงานด้วยตาตัวเองแน่นอน”
NINE LIVES The 1st Solo Exhibition by Songsin Tiewsomboon
วันที่ 11 มิถุนายน - 11 กรกฎาคม 2022
ชั้น 1 โซน ICONLUXE ห้าง ICONSIAM