รูปปั้นเดวิดอาจจะหมายถึงโลกในอดีตสำหรับนักประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก สำหรับใครหลายคน เสียงเพลงซิตีป็อปก็ทำให้นึกถึงชายหาดญี่ปุ่นในฤดูร้อน หรืออาจหมายถึงช่วงเวลาหลังเลิกเรียนในวัยมัธยมก็ได้ เหมือนในความทรงจำของศิลปิน ‘JARB’ (มงคล ศรีธนาวิโรจน์) ผู้ใช้ภาพวาดดึงเราย้อนเวลากลับไปสัมผัสบรรยากาศในอดีต ที่อาจจะส่วนตัวมาก ๆ หรืออาจะเป็นอดีตที่เราไม่เคยสัมผัสเองมาก่อนด้วยซ้ำ
“เราค่อนข้างถูกโฉลกกับงานซิตีป็อปสมัยก่อน เลยได้แรงบันดาลใจจากนักวาดญี่ปุ่นมามาก เพราะภาพและวัฒนธรรมเหล่านั้นทำให้เรารู้สึกนอสทัลเจีย (โหยหาอดีต) ได้มากที่สุด มันเล่าเรื่องได้ใกล้เคียงกับที่เราคิดและรู้สึกที่สุด เลยเอามารวมกับความเป็นส่วนตัว” เขาเล่าที่มาของสไตล์ภาพวาดที่ใครเห็นก็ต้องจำได้ว่าเป็นของเขา
ซึ่งเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกกับงานซิตีป็อปและสไตล์จากยุค 80 มาก ๆ แม้จะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลานั้น ก็คงเป็นเพราะการเชื่อมต่อทางอารมณ์และบรรยากาศ ที่เขาสัมผัสได้จากสถานที่ในวัยเด็กอย่างสระว่ายน้ำ หรือห้องเรียนศิลปะ “ตอนเด็ก ๆ เราเคยไปออฟฟิศของคุณพ่อ แล้วเราอยากว่ายน้ำในสระมาก เป็นสระใหญ่ แต่ด้วยความที่เราเด็กแล้วสระนั้นลึกมาก แต่วันถัดไปเขาจะล้างสระกันพอดี พ่อเราเลยเอาน้ำออกให้เหลือแต่สระตื้น ๆ ที่เราสามารถลงไปยืนได้ ก็กลายเป็นว่าเราได้ลงไปเล่นน้ำจริง ๆ แต่มันทำให้คนอื่นลงไปเล่นกับเราไม่ได้เพราะมันตื้นมาก ๆ กลายเป็นเราเล่นน้ำคนเดียว มันก็รู้สึกเหงานะ แต่รู้สึกว่าความเหงานั้นมันสวยงามจังเลย เพราะสระมันใหญ่ มองขึ้นไปข้างบนก็คือท้องฟ้า แต่เบื้องหน้าเรามันคือกระเบื้องสีน้ำเงินในสระที่มันเรียงกันเป็นระเบียบมากเลย ถึงเราจะรู้สึกเหงาที่ไม่มีใครลงมาเล่นด้วย แต่เราก็ชอบและจำสเปซตรงนี้ติดหัวมา จนได้มาฟังมาเห็นฟังซิตีป็อป มันทำให้เรานึกถึงบรรยากาศของช่วงเวลานั้น ก็เลยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราค่อนข้างหลงใหลความเป็นซิตีป็อป
“ช่วงมัธยมผมรู้แล้วว่าอยากเรียนด้านศิลปะ ก็ไปหมกตัวอยู่ในห้องศิลปะช่วงหลังเลิกเรียน ไปหัดวาดรูปให้อาจารย์ดูให้ คนอื่นก็อาจจะวาดแก้ว ช้อน หรือภาพหุ่นนิ่ง (Sill Life) แต่ส่วนตัวอยากวาดหุ่นปูนเดวิดตัวนี้ ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้นะว่านี่คืออะไร แต่พอกลับไปดูงานเก่า ๆ ที่เคยเก็บไว้ที่บ้านก็พบว่าหุ่นแรกที่เราวาดแล้วมันเข้ามือมาก ๆ ก็คือหุ่นเดวิดเมดิซีตัวนี้แหละ ก็เลยค่อนข้างชอบคาแรกเตอร์ หรือสไตล์แบบนี้ เลยหยิบความเป็นกรีกโรมันเล็ก ๆ มาใช้กับงานที่มันแตกต่างกันอยู่นิดนึง” เขาเล่า
คาแรกเตอร์เดวิดเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเขามาตั้งแต่ลองหัดวาดสายภาพประกอบในตอนแรก ตั้งแต่ที่งานยังเป็นการวาดเส้น (drawing) อยู่ จนกระทั่งเขาเริ่มใช้คาแรกเตอร์เดวิดนี้มาถ่ายทอดความรู้สึกที่ลึกซึ้งขึ้น อย่างความรู้สึก ‘นอสทัลเจีย’
“ทุกครั้งที่วาดคาแรกเตอร์นี้ผมก็จะนึกถึงช่วงแรก ๆ ที่หัดวาดดรอว์อิง งานผมจะเกี่ยวกับความรู้สึกส่วนใหญ่ ในงานที่แสดงในนิทรรศการ Artists on Our Radar นี้ก็เล่าเรื่องที่เราค่อนข้างหมกมุ่นกับมัน คือเราอยากเข้าใกล้ความเป็นจริงที่สุดของความรู้สึกนอสทัลเจีย ก็เลยนึกถึงเรื่องการย้อนเวลา เลยไปศึกษาพวกทฤษฎีการย้อนเวลาในทางวิทยาศาสตร์ แล้วเจอทฤษฎีหนึ่งเรียกว่า String Theory เป็นเรื่องของมิติ เช่นตอนนี้เราอยู่ในโลกสี่มิติ มีจุด เส้น ความลึกตื้นหน้าบาง แล้วก็เวลา แต่ทฤษฎีนี้เขาอธิบายไว้ว่า มันอาจจะมีถึง 11 มิติ แล้วถ้าพวกเรารับรู้ถึงการมีอยู่ของมิติที่ห้าขึ้นไปหรือมิติอื่น ๆ ก็อาจจะทำให้เราย้อนกลับมิติได้ ไปอนาคตหรือย้อนกลับก็ได้
“ผมเลยสร้างสิ่งมีชีวิตตัวนี้ ซึ่งมันอยู่เหนือมิติที่สี่ขึ้นไป แต่ก็ยังเสพติดความรู้สึกนอสทัลเจียอยู่ สิ่งที่เลือกทำเลยเป็นการย้อนกลับไปอยู่กับบรรยากาศนั้น ๆ ช่วงเวลานั้น ๆ แค่เพื่อเสพความรู้สึกนั้น ไม่ว่าจะเป็นความสุข เศร้า เหงา หรืออะไร มันแค่อยากกลับไปรู้สึกแบบนั้นเฉย ๆ แต่จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรอดีตเลย เหมือนขออยู่ตรงนั้นแป๊บนึง
ซึ่งภาพนักย้อนเวลา “Nostalgia Surfer” นี้ ก็กำลังจัดแสดงอยู่ที่นิทรรศการ ‘Artist on Our Radar’ วันที่ 20 ม.ค. - 17 มี.ค. 2567 ไปร่วมย้อนเวลากับเขากันได้ที่ MMAD MASS GALLERY ชั้น 2 โซน MMAD, ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์
ติดตามผลงานของ JARB ได้ที่ https://www.instagram.com/jarb_/