Particules de nuit นิทรรศการยามถึงความฝันยามค่ำคืนของ เจ้ย - อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐากุลที่ Centre Pompidou ปารีส

Post on 24 January

เรื่องและภาพ: ณิชชา จันทสาโร

Le rêve est comme un film que l’on ne pourrait pas rejouer”
“ความฝันก็เหมือนภาพยนตร์ที่เราไม่สามารถเล่นซ้ำได้อีกรอบ“ความฝันก็เหมือนภาพยนตร์ที่เราไม่สามารถเล่นซ้ำได้อีกรอบ

ส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ เจ้ย - อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐากุล

เมื่อเดินเข้าไปในพาวิลเลียน บรังคูซี ที่เคยใช้แสดงผลงานของ คอนสแตนติน บรังคูซี (Constantin Brancusi ประติมากรชาวโรมาเนียนผู้เป็นหนึ่งในศิลปินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในศตวรรษที่ 20 จากการบุกเบิกงานประติมากรรมแบบนามธรรม) ซึ่งเมื่อช่วง 2 ตุลาคม 2024 - 6 มกราคม 2025 ถูกเปลี่ยนให้เป็นห้องมืดสนิทเพื่อจัดแสดงผลงานของ เจ้ย - อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล เรารู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในกลางคืนที่มืดมิด ไร้แสงจากอาทิตย์ยามกลางวัน แสงเดียวที่โฉดฉายอยู่ในห้องนั้นมีเพียงแสงจากโปรเจกเตอร์เท่านั้น และผลงานทั้ง 10 ชิ้นของอภิชาติพงศ์ที่ฉายบนกำแพงต่าง ๆ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนผลงานประติมากรรมที่ตกแต่งสถาปัตยกรรมของ Pavilion Brancusi ด้วยแสงและสีจากวิดีโอโปรเจคเตอร์

Particules de nuit หรือ Night Particles คือชื่อนิทรรศการของผู้กำกับชาวไทยที่ได้รับเชิญให้จัดแสดงผลงานที่ศูนย์ปอมปิดู (Centre Pompidou) นิทรรศการของเขาประกอบด้วยวิดีโออินสตอลเลชั่นราวสิบชิ้นที่เปลี่ยนพื้นที่พาวิลเลียนที่เคยสว่างไสวให้กลายเป็นพื้นที่ในยามราตรีที่พร่างพรายไปด้วยความทรงจำเกี่ยวกับชีวประวัติและสถาปัตยกรรมในอดีต

อภิชาติพงศ์ได้เปลี่ยนสถานที่จัดแสดงแห่งนี้ให้เป็นโลกแห่งยามค่ำคืน โลกแห่งความฝันและความทรงจำ ผลงานทุกชิ้นที่จัดแสดง ยกเว้น Solarium (2023) คือไดอารีของศิลปินที่บันทึกเหตุการณ์ในชีวิต ผู้คน และความทรงจำ ผลงานแต่ละชิ้นคือชีวิตส่วนหนึ่งของอภิชาติพงศ์ ภาพฉายแสงจากโปรเจกเตอร์จึงทำหน้าที่เสมือนภาพฉายความทรงจำ โดยศิลปินใช้เทคนิคการเล่นกับแสง เงา และเสียงภายในความมืด และในขณะเดียวกันก็นำเสนอความเชื่อ ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และชุมนุมประท้วงการเมือง เพื่อนำเสนอความเชื่อมโยงกันระหว่างความฝัน ความเป็นจริง กลางคืน และกลางวัน

จากผลงานทั้งหมด 10 ชิ้น เราขอหยิบมาเล่า 3 ชิ้นให้ทุกคนอ่านกัน

Fiction, 2018
Single-channel video installation

ตลอดระยะเวลา 13 นาทีกับอีก 37 วินาที สิ่งที่เราเห็นคือมือข้างหนึ่งกำลังขีด ๆ เขียน ๆ ลงบนสมุดเปล่า ฉายตัดกับภาพหลอดไฟที่ให้แสงและแมลงที่กำลังตอมแสงยามค่ำคืน มือข้างนั้นเขียนคำผิด แล้วพลิกหน้าใหม่ แล้วเขียนใหม่ หยุดเขียนบ้าง เพราะนึกถึงสิ่งที่จะเขียน ปัดแมลงที่มาตอมบ้าง ปัดน้องแมวที่มาเดินย่ำบนสมุดบ้าง และสิ่งที่เราเห็นบนกระดาษแผ่นนั้นคือ บันทึกเรื่องราวที่มาจากฝันของเจ้าของมือข้างนั้นหรือก็คือตัวศิลปินเจ้าของผลงาน เพราะ “ความฝันก็เหมือนภาพยนตร์ที่เราไม่สามารถเล่นซ้ำได้อีกรอบ” ศิลปินจึงจดบันทึกฝันที่ตนเองเห็นตอนหลับให้เหมือนจดบันทึกสิ่งที่ตนเองดูจากภาพยนตร์

Solarium, 2023
Multimedia installation

Solarium คือผลงานที่อภิชาติพงศ์สร้างขึ้นเพื่อจัดแสดงที่งาน Thailand Biennale, Chiang Rai (2023) ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากหนังผีเรื่อง ผีตาโบ๋ (1981) ของผู้กำกับ เสน่ห์ โกมารชุน ที่อภิชาติพงศ์เคยดูตอนเด็ก ๆ โดยเขาตีความและนำเสนอภาพผีออกมาในแบบที่ตนเองจำได้ และให้ผู้ชมเห็นมุมมองของตัวละครหลักหรือผีในเรื่องที่ตามหาลูกตาของตัวเองที่ถูกขโมยไป ส่วนเทคนิคการเล่นกับแสงในห้องมืดก็ได้แรงบันดาลใจจากหนังทดลองยุคแรก ๆ ของ มาเซล ดูชอมป์ (Marcel Dechamp), ฮันส์ ริชเตอร์ (Hans Richter) และ แฟร์น็อง เลเกอร์ (Fernand Léger)

Durmiente & async, 2021, 2017
Double-channel video installation

ผลงานชิ้นนี้แสดงวิดีโอสองคลิปฉายข้างกัน วิดีโอด้านขวาหรือ Async — First Light (2017) ฉายภาพแสงเงารวมถึงภาพผู้คนและสัตว์ที่กำลังนอนหลับฝันอยู่ คลอไปกับเพลงจากอัลบั้มของ ริวอิจิ ซากาโมโตะ (Ryuichi Sakamoto) และบทกวีของ อาร์เซนีย์ ทาร์คอฟสกี้ (Arseny Tarkovsk)y ซึ่งพูดถึงความฝันที่สื่อถึงกันและฝันที่กลับมาฝันซ้ำ ๆ ส่วนวิดีโอด้านซ้ายหรือ Durmiente (2021) ซึ่งศิลปินได้เพิ่มเข้ามาภายหลัง ฉายภาพนักแสดง ทิลดา สวินตัน (Tilda Swinton) กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ใต้แสงยามพลบค่ำที่ส่องบนหน้าของเธอ การจัดแสดงวิดีโอสองคลิปนี้ข้างกันสื่อถึงความปรารถนาถึงการเชื่อมโยงถึงกันและกันของผู้คน สัตว์ และธรรมชาติ ผ่านแสง ภาพยนตร์ และความฝัน

นอกจากนี้ ทาง Centre Pompidou ยังตีพิมพ์หนังสือ ‘Homes’ ที่รวบรวมประวัติ ผลงาน และชีวิตการทำงานของอภิชาติพงศ์ใน 480 หน้า ภายในรวมภาพเบื้องหลัง รวมถึงบันทึกฝันของศิลปินด้วย