คำกล่าวที่ว่า เทรนด์แฟชั่นไม่เคยตายจากไปไหน แต่จะย้อนกลับมาในรูปแบบใหม่เสมอ คงจะไม่ไกลเกินจริงนัก เพราะขนาดผ้าพิมพ์ลายลูกน้ำสุดคลาสสิคอายุหลายร้อยปีอย่างลายเพสลีย์ (Paisley) ยังกลับมาเป็นกระแสฮอตฮิตในโลกแฟชั่นไม่เสื่อมคลาย

ผ้าพิมพ์ลายพร้อยสุดฮิปนี้ปรากฏให้เห็นครั้งแรกในอารยธรรมเปอร์เซียโบราณในชื่อ Boteh ที่หมายถึงดอกไม้หรือช่อดอกไม้ ในเวลานั้น ผ้าพิมพ์ลายเหล่านี้ยังมีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนจนทำให้มีมูลค่าสูงลิ่ว นอกจากนั้น พระราชายังใช้ผ้า Boteh ในพิธีพระราชทานให้แก่เหล่าข้าราชบริพารที่ถวายสัตย์แสดงความจงรักภักดีด้วย แสดงให้เห็นว่า มันเคยเป็นของสูงค่าสำหรับคนเปอร์เซียในขณะนั้นอยู่ไม่น้อย

อย่างไรก็ดี ลายลูกน้ำที่เราคุ้นตานี้เริ่มเป็นท่ีรู้จักอย่างแพร่หลายหลังจากโลกเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม โดยมีคนจากบริษัท British East India Company ได้รับพระราชทานผ้าพิมพ์ลาย Boteh นี้หลังจากเข้ามาทำการค้าขายในฝั่งแคชเมียร์ของอินเดีย และนำมันเข้ามาเผยแพร่สู่เกาะอังกฤษเป็นครั้งแรก และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของกระแสความคลั่งไคล้ผ้าพิมพ์ลายเหนือกาลเวลาที่นำไปสู่ความนิยมจนต้องผลิตของเลียนแบบตามออกมามากมาย แต่ก็เป็นชาวเมืองเพสลีย์ในสกอตแลนด์นี่เองที่สามารถช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดนี้ได้สำเร็จ ด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูงและเทคนิคในการผลิตที่ทันสมัยจนสามารถครองใจเหล่าคนรักแฟชั่น และทำให้ผ้าลายลูกน้ำนี้ลูกเรียกต่อ ๆ กันมาว่าเป็น ‘ลายเพรสลีย์’ ไปโดยปริยาย

ลายเพรสลีย์ได้รับความนิยมจนถึงจุดสูงจากการมาถึงของกระแสดนตรีแบบไซคีเดลิคร็อค และวัฒนธรรมของชาวบุพผาชนในยุค 1960-70s ที่เริ่มกลับไปให้คุณค่ากับแนวคิดและปรัชญาจากฝั่งตะวันออก เราสามารถเห็นนักดนตรีร็อกระดับตำนานอย่าง The Beatles (หลังกลับมาจากการแสวงหาทางจิตวิญญาณในอินเดีย) แต่งกายในชุดพิมพ์ลายเพสลีย์เป็นที่ชินตา จนทำให้เทรนด์การแต่งกายสไตล์นี้ได้รับความนิยมในวงกว้างและยังส่งอิทธิพลต่อโลกแฟชั่นจวบจนถึงปัจจุบัน

อ้างอิง: The History of the Paisley Symbol and Paisley Pattern, Paisley: The story of a classic bohemian print, A brief history of paisley , Heritage Of Paisley