ฉันอยากทำงานศิลปะมาตลอด แต่คิดว่า ตัวเองคงไม่สามารถทำงานศิลปะได้หรอก ถ้าหากฉันวาดรูปหรือปั้นไม่เป็น ดังนั้น ฉันจึงเก็บศิลปะไว้ในใจ แล้วหันไปทำงานในสายแฟชั่นแทน
จากนักออกแบบเครื่องประดับชาวตูนิเซีย-ฝรั่งเศสผู้โด่งดังจนได้รับฉายา ‘Queen Of Bling’ หรือ ‘ราชินีแสงความวิบวับ’ วันนี้ ชูรุก ไรห์เอม (Shourouk Rhaiem) ตัดสินใจกระโดดเข้ามาสู่โลกศิลปะร่วมสมัย และก้าวข้ามความกลัวในอดีตหลังจากได้รับชมผลงานของศิลปินอินเดียชื่อก้องอย่าง สุโบดห์ คุปตา (Subodh Gupta) เป็นครั้งแรกที่ Centre Pompidou ในกรุงปารีส
แม้จะก้าวเข้ามาทำงานศิลปะ แต่ผลงานของไรห์เอมยังคงโดดเด่นด้วยการนำเอาสื่อโฆษณาและวัฒนธรรมป็อปในช่วงยุค 80s มาใช้เป็นแรงบันดาลใจ รวมไปถึงเทคนิคการประดับประดาคริสตัลสุดระยิบระยับที่เป็นความถนัดของเธอในฐานะนักออกแบบเครื่องประดับ ซึ่งในนิทรรศการ La Vie en Strass (แปลเป็นไทยว่า ชีวิตในคริสตัล) ของเธอที่ Four Seasons ART Space โดย MOCA BANGKOK นั้นก็ถือเป็นการนำผลงานชุดนี้มาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในไทยและเอเชียเลยทีเดียว
นิทรรศการ La Vie en Strass พาเราไปสัมผัสความไม่ธรรมดาของสิ่งของธรรมดา ๆ อย่างเหล่าบรรจุภัณฑ์สไตล์วินเทจที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ซึ่งตอนนี้ถูกแปลงโฉมใหม่ให้กลายเป็น ผลงานศิลปะสุดแวววาว ที่เล่นแสงระยิบระยับ เรียกร้องความสนใจของผู้ชมที่ผ่านไปผ่านมาได้อย่างดี ซึ่งงานนี้ก็ไม่ได้มีแค่บรรจุภัณฑ์ที่เธอผูกพันในวัยเด็กเท่านั้น แต่ไรห์เอมยังนำเอาบรรจุภัณฑ์สไตล์ไทย ๆ อย่างยาอมแก้ไขตราตะขาบ 5 ตัว แป้งเย็นตรางู ยาจุดกันยุง ห่านฟ้า 13 และอื่น ๆ อีกมากมายมาตีความใหม่ในรูปแบบผลงานศิลปะอันหรูหราด้วย
ผลงานเหล่านี้ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความสนใจในประกายแสงวิบวับของอัญมณีอันล้ำค่าที่ไรห์เอมคุ้นชินมาโดยตลอดเท่านั้น แต่มันยังสะท้อนให้เห็นถึงรากวัฒนธรรมอาหรับและการเติบโตในครอบครัวผู้อพยพของเธอด้วยเช่นกัน เพราะแม้เธอจะเกิดและเติบโตในฝรั่งเศส ที่ที่หลายคนยกให้เป็น ‘ประเทศโลกที่หนึ่ง’ ที่ใคร ๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน แต่เธอในวัยเด็กก็ไม่ได้มีชีวิตที่สะดวกสบายมากนัก พ่อแม่ของเธอที่เป็นผู้อพยพชาวตูนิเซียยังคงต้องต่อสู้และทำงานหนักมาโดยตลอด ดังนั้น แม้แต่ความธรรมดาสามัญอย่างการกินซีเรียลในตอนเช้ากับครอบครัวสุดอบอุ่นที่เห็นในโทรทัศน์ก็ดูจะไกลเกินเอื้อมสำหรับเธอ
ชีวิตที่สมบูรณ์แบบในโทรทัศน์ดูจะเป็นสิ่งไกลตัวที่ไม่มีวันเป็นจริงสำหรับฉันและครอบครัวในเวลานั้นเลย
แต่หลังจากได้รับชมภาพยนตร์เรื่อง Breakfast at Tiffany's อะไรบางอย่างในตัวเธอก็ถูกปลุกขึ้น ไรห์เอมตัดสินใจหันมาหยิบจับสิ่งของรอบตัว และไม่ลืมที่จะประดับประดาด้วยเหล่าคริสตัลสุดอลังการแบบเดียวกับที่เราจะเห็นได้แค่ตามร้านจิวเวลรี่หรู ๆ หรือพิพิธภัณฑ์อันมีเกียรติเท่านั้น
แน่นอนว่า สิ่งของธรรมดา ๆ พวกนี้มันไม่ได้มีราคาแพงอะไร แต่ในตอนนั้น ความฝันที่ได้เป็นเจ้าของชีวิตธรรมดา ๆ อันสมบูรณ์แบบเหล่านี้คือสิ่งที่ฉันไม่สามารถมีได้ด้วยซ้ำ ในวันนี้ ฉันคิดว่า สิ่งของพวกนี้มันไม่ได้มีค่าอะไรมากมายหรอก แต่สื่อและโฆษณาต่างหากที่ทำให้เราฝันถึงชีวิตที่สมบูณ์แบบเหล่านั้น
📍 La Vie en Strass
วันที่ 14 พฤศจิกายน - 6 ธันวาคม 2566
Four Seasons ART Space โดย MOCA BANGKOK