หลังจากได้รับการติดต่อจาก Asahi แบรนด์เครื่องดื่มยอดนิยมจากประเทศญี่ปุ่นให้จับภาพมหานครโตเกียวในมุมมองที่แตกต่าง Tom Blachford ช่างภาพสถาปัตยกรรมหนุ่มไฟแรงชาวออสเตรเลียนจึงออกเดินทางถ่ายทอดความรู้สึกประทับใจแรกเมื่อเขาได้มาเยือนกรุงโตเกียวผ่านภาพถ่ายในซีรี่ส์ ‘Nihon Noir’ ที่ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี 2018
Edo-Tokyo Museum, 1993, designed by Kiyonori Kikutake.
Tokyo Big Sight, 1996.
Shizuoka Press and Broadcasting Center, 1967, designed by Kenzō Tange.
Capsule Dreams II / Nakagin Capsule Tower, 1972, designed by Kisho Kurokawa.
Zig Zag.
ด้วยความที่ Blachford สนใจงานภาพถ่ายแนวสถาปัตยกรรมเป็นทุนเดิม เขาจึงเลือกเหล่าอาคารรูปร่างแปลกตาจากยุค Modernism และ Post-Modernism ทั่วทั้งโตเกียวเป็นพระเอกของซีรี่ส์ โดยแม้สถาปัตยกรรมเหล่านี้จะมีอายุร่วมหลายสิบปี (บางอาคารก่อสร้างเสร็จมาตั้งแต่ช่วงยุค 1960-70s) แต่กลับดูล้ำสมัยราวกับหลุดมาจากโลกอนาคต ซึ่งแท้จริงแล้ว อาคารเหล่านี้ก็เป็นเหมือนผลผลิตทางการออกแบบของเหล่าสถาปนิกมือดีทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นที่มาร่วมสร้างสรรค์และพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอาคารที่ Blachford ให้ความสนใจเป็นพิเศษคือผลงานการออกของสถาปนิกญี่ปุ่นเจ้าของรางวัล Pritzker Prize ในตำนานอย่าง Kenzo Tange ที่เป็นหนึ่งในหัวขบวนของการออกแบบอาคารในสไตล์ Metabolism แนวคิดทางสถาปัตยกรรมที่เป็นที่นิยมในช่วงยุค 1960s ที่ไม่ได้คำนึงเพียงแค่การพักอาศัยอยู่กับที่ แต่ยังสามารถแตกตัว เปลี่ยนแปลง สะดวกต่อการติดตั้งและรื้อถอนด้วย
HAL9001 / Tokyo Big Sight, 1996.
Fuji TV Headquarters, 1990-96, designed by Kenzō Tange.
Deckard’s Den.
The Golden Flame / Asahi Beer Hall, 1989, designed by Philippe Starck.
Ariake Sports Center.
เป็นเวลากว่า 6 คืนเต็มที่ Blachford ออกเดินสำรวจอาคารมากหน้าหลายตาทั่วทั้งโตเกียว จนสามารถรวบรวมเป็นผลงานภาพถ่ายสถาปัตยกรรมสุดเท่กว่า 20 อาคาร โดยภาพถ่ายในซีรี่ส์ Nihon Noir นี้ไม่ได้เน้นเก็บภาพกรุงโตเกียวยามค่ำคืนที่สวยงามในรูปแบบผลงานภาพถ่ายซิตี้สเคปทั่ว ๆ ไป แต่กลับเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด ลึกลับ ชวนค้นหา ราวกับว่าได้หลุดเข้าไปสู่จักรวาลคู่ขนานในโลกอนาคต ผ่านแสงนีออนสีฟ้า สีชมพู และสีม่วงที่แหวกความมืดมิดมาเพิ่มสีสันจัดจ้านล้ำยุคแบบโลก Cyberpunk ในนิยาย Sci-fi ที่เราคุ้นเคย ซึ่งแน่นอนว่าแรงบันดาลใจเบื้องหลังการถ่ายภาพในซีรี่ส์นี้ของเขาก็หนีไม่พ้นผลงานภาพยนตร์ Neo-Noir ต้นแบบของโลกดิสโทเปียในอนาคตอย่าง Blade Runner (1982) โดยผู้กำกับ Ridley Scott รวมไปถึงผลงานภาพยนตร์วิชวลสวยจากผู้กำกับ Nicolas Winding Refn ที่ถูกจดจำจากภาพอาบแสงนีออนในภาพยนตร์อย่าง Drive (2011) และ Only God Forgives (2013)
Doric-Dichotomy / M2 Building, 1991, designed by Kengo Kuma.
Aoyama Gundam / Aoyama Technical College, 1990, designed by Makato Sei Watanabe.
Nakagin Convenience / Nakagin Capsule Tower, 1972, designed by Kisho Kurokawa.
Cycloptic Technology I / TIT Centennial Hall, 1987, designed by Kazuo Shinohara.
Edo Escalator / Edo-Tokyo Museum, 1993, designed by Kiyonori Kikutake.
Shakaden Diamond / Reiyukai Shakaden Temple, 1975.
โดยภายหลังในช่วงปลายปี 2020 ที่ผ่านมา Blachford ก็สานต่อความสำเร็จจากซีรี่ส์ภาพถ่ายอาคารสถาปัตยกรรมโตเกียวยามค่ำคืนนี้ด้วยภาพถ่ายในซีรี่ส์ใหม่ ‘Nihon Noir 2099’ ซึ่งคราวนี้เขาไม่ได้จำกัดตัวเองไว้เพียงแค่ในกรุงโตเกียวเท่านั้น แต่ยังขยับขยายพาเราไปสำรวจอาคารหน้าตาล้ำยุคจากอดีตในกรุงเกียวโตอีกด้วย ถือเป็นอีกครั้งที่เขานำเสนอภาพความพิศวงของสถาปัตยกรรมอันแสนเงียบงันที่ยิ่งทำให้เส้นแบ่งความเป็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเรายิ่งพร่าเลือนมากขึ้น
Neo Kyoto / Kyoto International Conference Center, 1966, designed by Sachio Otani.
Satellite Base / Kyoto International Conference Center, 1966, designed by Sachio Otani.
Shakaden Calling / Reiyukai Shakaden Temple, 1975.
St. Mary’s Cathedral, 1964, designed by Kenzō Tange.
Telecom Center Station, 1995.
Star Base I / Kyoto International Conference Center, 1966, designed by Sachio Otani.
Tyrell Corp Side / Tokyo Big Sight, 1996.
รับชมรายการ Self-Quarantour EP. Tokyo Architecture เต็ม ๆ ได้ที่:
แหล่งอ้างอิง:
https://tomblachford.com/
https://www.wallpaper.com/art/tom-blachford-nihon-noir-tokyo
https://www.wallpaper.com/art/through-the-lens-of-photographer-milo-lethorn-interview
https://www.thefutureperfect.com/present_tense/articles/nihon-noir




