ภายใต้สีสันสดใสของภาพวาดจิตรกรรมละลานตาในนิทรรศการ ‘The Monument’ ของอาจารย์และศิลปิน ‘วุฒิกร คงคา’ คือการปะทะกันของ ‘ประวัติศาสตร์’ และ ‘ความหมาย’ ที่ถูกนำมาพบกันในภาพวาดวาดที่คัดประติมากรรมต่างยุคสมัย มาผสมผสานกับลวดลายคล้ายกระจกสี ตามเอกลักษณ์ของเขา ที่ผสมศิลปะ Cubism, Abstract, Expressionism เข้ากับประติมากรรมเก่าแก่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้ตั้งแต่ใน ‘No Miracles’ นิทรรศการเดี่ยวครั้งก่อนของเขา
แต่ในความสดใสก็ยังแฝงไปด้วยประวัติศาสตร์ ทั้งด้านงดงามและโหดร้ายของมนุษย์เพราะประติมากรรมที่เขาวาดในงานนี้ เล่าเรื่องปกรณัมจากยุคกรีก-โรมัน มาจนถึงยุคบาโรก แต่ก็สะท้อนความเป็นมนุษย์ที่คิด จินตนาการ สร้างสรรค์ บูชา และทำร้ายโลก ด้วยการกระทำของเราเอง อนุสาวรีย์ในงานนี้เลยเป็นได้ทั้งความเชื่อมั่นศรัทธาหรือซากของสิ่งที่เราคิดก็ได้ …แล้วแต่จะตีความ
ภาพที่อยากพูดถึงคือ ‘Pluto and Proserpina’ ที่สะท้อนมุมมองของมนุษย์กับธรรมชาติ ผ่านตำนานของเทพีแห่งการเกษตรผู้ถูกเทพพลูโตขืนใจในประติมากรรมบาโรก ‘The Rape of Proserpina’ จนนำมาสู่ฤดูกาลบนโลก ซึ่งยิ่งมองลึกลงไปใต้สีที่สดใส ก็ยิ่งเห็นโยงใยของอำนาจระหว่างเพศหญิง-ชาย ธรรมชาติ-มนุษย์ และต่างนิกายทางศาสนา ซึ่งประกอบกันเป็นสิ่งรายล้อมประติมากรรมนี้อยู่
นอกจากนี้ก็มีภาพประติมากรรม Ares Borghese ที่ถึงแม้จะหน้าตาดูโรมัน แต่ก็ยังเผยเทคนิคการโฆษณาชวนเชื่อของเผด็จการทหาร ที่ยังคงหลอกหลอนมาจนถึงโลกปัจจุบัน หรือภาพประติมากรรม Laocoön and His Sons ซึ่งกระซิบเสียงแห่งความโกลาหลของมนุษย์ที่ซัดกันเพื่อสร้างอุดมคติของตนเหนือดินแดน
มนุษย์คงไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไรจริง ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เราทำได้คือการเรียนรู้จากซากในอดีต ซึ่งถ้าขุดดี ๆ ก็อาจเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเรา แทนที่จะเห็นเรื่องราวในประวัติศาสตร์
📍นิทรรศการ ‘The Monument’ โดย วุฒิกร คงคา
เข้าชมได้ฟรีถึงวันที่ 10 มิถุนายนนี้
ที่ Number1gallery (BTS สถานีสุรศักดิ์)