รู้จัก Two in Row สตูดิโอเล็ก ๆ ของสามเพื่อนจากรั้วมหาลัย ผู้หลงใหลเสน่ห์ของริโซกราฟและหนังสือทำมือ

Post on 2 December 2025

“ริโซกราฟมันมีในไทยมาสักพักแล้วนะ แต่มันเพิ่งมาบูมมาก ๆ ในวงการศิลปะเมื่อ 10 ปีก่อน อย่างสิ่งที่ใกล้ตัวเรามาก ๆ ก็พวกกระดาษคำตอบ กระดาษข้อสอบ ซองผ้าป่า” หนึ่งในผู้ก่อตั้งสตูดิโอ Two in Row ทำให้ความทรงจำของเด็กหญิงกระโปรงน้ำเงินอย่างเรากลับมาชัดแจ๋วอีกครั้ง

ไม่นานหลังจากโยนคำถามว่า ริโซกราฟคืออะไร สมาชิกผู้ก่อตั้ง Two in Row สตูดิโอภาพพิมพ์ริโซกราฟที่ซ่อนอยู่ในย่านอุดมสุข รวม 3 คน เริ่มจาก ฝน–ชาลิสา พริ้งสกุล ตามด้วย ไอซ์–อรอินทุ์ เดชสกุลฤทธิ์ ปิดท้ายด้วย ต้อง–รณัฐ เลขาขำ ก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาทักทายเรา และนั่งตามมุมประจำที่พวกเขาทำงาน

พวกเขาพาเราไปรู้จักกับริโซกราฟ เปิดให้ดูขั้นตอนการทำงาน ในขณะที่เราก็พาพวกเขาย้อนกลับไปนึกถึงความทรงจำก่อนที่จะมาเป็น Two in Row ผ่านเสียง 3 โทน ที่เล่าด้วยความสนุกผสมกับความสับสนในเวลาช่วงเวลา ซึ่งเราคิดว่า นี่คือบทสนทนาที่ชิล เป็นกันเอง และทำให้เห็นบรรยากาศความสนิทสนมของทั้งสามคนได้เป็นอย่างดี

Two in Row คือแก๊งเพื่อนจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่รวมตัวกันเพราะความหลงใหลในเสน่ห์ของริโซกราฟและฝันว่าอยากมีโรงพิมพ์ที่พิมพ์งานตัวเองได้ไม่จำกัด

“เราเป็นพี่ ๆ น้อง ๆ ที่รู้จักกันในมหาลัย ผมเรียนไฟน์อาร์ต ฝนเรียนเซรามิก ไอซ์เรียนกราฟิก ก่อนที่จะมาเป็น Two in Row พวกอยากลองทำอะไรด้วยกัน เลยขายของจุกจิก หาผลิตภัณฑ์ที่พวกเราทำกันได้และลองทำเล่นไปเรื่อย ๆ จนมันมีอยู่ปีหนึ่งที่ไปเดินเล่น Art Book Fair แล้วรู้สึกว่า ทำไมศิลปะมันเข้าไปอยู่ในหนังสือได้ ก็เลยรู้สึกสนใจและเก็บไอเดียนี้ไว้” ต้องเล่า

ไอซ์เสริม “และพอเราได้ไปออก Art Book Fair มันมีโปรเจกต์ที่เราอยากทำโปสเตอร์มาวางขายในงาน ซึ่งปัญหาตอนนั้นคือ เราพิมพ์งานออกมา แต่สีมันไม่สด เพราะพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ธรรมดา แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า มันมีการพิมพ์แบบริโซกราฟอยู่เลยไปลองหาร้านที่มีในไทย แล้วเราก็ได้เอางานไปพิมพ์ ซึ่งความสนุกมันอยู่ตรงที่สีที่เราคิดในโปสเตอร์มันไม่ตรงกับสีที่ร้านมี มันเลยมีการแก้หลาย ๆ รอบ แต่เรากลับรู้สึกสนุกที่เหมือนเราได้ควบคุมสี แยกสีการพิมพ์เอง ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจริโซกราฟ”

หลังจากที่ความชอบและความต้องการอยากจะเปิดโรงพิมพ์เล็ก ๆ ของไอซ์เริ่มจริงจังขึ้นเรื่อย ๆ สองสามปีต่อจากนั้น ไอซ์เลยไปชวนฝนที่กำลังสับสนกับชีวิตในช่วงกำลังหางานยุคโควิดมาร่วมเปิดโรงพิมพ์และสตูดิโอเล็ก ๆ ร่วมกัน พร้อมกับที่ได้ต้อง ชายหนุ่มคนเดียวในทีม ผู้ที่ไอซ์บอกว่าสามารถเสกสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ได้เสมอ

“อย่างชื่อของเรา มันตั้งมาจากที่ว่า ตอนแรกเราชวนฝนมาเปิดสตูดิโอด้วยกันก่อน เราพยายามแยกกันไปคิดชื่อที่เหมาะกับเรา แต่ด้วยคาแรกเตอร์ที่ต่างกันมาก อย่างไอซ์จะเป็นพวกจริงจัง ก็จะคิดชื่อไปทางซีเรียสหน่อย ส่วนฝนมีความเจ้าบทเจ้ากลอน ออกจะลิเกหน่อย ๆ สุดท้ายเรามาลงเอยที่ว่า วันเกิดของไอซ์กับฝนมันติดกัน วันเกิดไอซ์คือวันที่ 5 ของฝน 6 ก็เลยได้คำว่า Two in a row มา แต่มันดูยาวไปนิดนึงเลยตัดตัว a ออก ให้เลือกแค่ Two in Row ซึ่งเราชอบชื่อนี้มาก เพราะมันดูเป็นตัวตนของเราแถมผิดไวยากรณ์ด้วย (หัวเราะ)” ไอซ์เล่า

หลังจากได้ชื่อสตูดิโอที่ชอบ พวกเขาก็ค่อย ๆ เริ่มโปรเจกต์ต่าง ๆ ฝึกฝน ทดลอง และเรียนรู้โดยเริ่มจากการหยิบงานวาดของตัวเอง และจากเพื่อน ๆ ศิลปินและนักวาดภาพประกอบที่รู้จักมาพิมพ์กับสตูดิโอของตัวเอง ผลิตออกมาเป็นทั้งสมุดทำมือ โปสเตอร์ สติกเกอร์ และของน่ารักในรูปแบบอื่น ๆ โดยหน้าที่และความรับผิดชอบของทั้งสามคนแบ่งกันชัดเจน ไอซ์ รับหน้าที่เป็นคนดูเรื่องการผลิต การทำสี วางเลย์เอาต์ ฝนจะดูแลเรื่องการพิมพ์ แอดมิน บัญชี และฝ่ายตรวจสอบคุณภาพ ส่วนต้องด้วยความที่เขาทำงานประจำเป็นติวเตอร์ศิลปะ หน้าที่ที่ Two in Row ของเขาจึงเป็นเหมือนผู้ช่วยสารพัดสิ่งที่คอยซัปพอร์ตทุกคนในทีม

“เราคิดว่า Two in Row มันเป็นที่ที่เราสามารถทำทุกอย่างที่อยากทำได้ มันเป็นพื้นที่ของเราจริง ๆ ทำหนังสืออยู่ ๆ อยากทำพวงกุญแจตุ๊กตาก็ทำได้เลย และในเวลาเดียวกันทุกอย่างก็เข้ากับหลาย ๆ อย่างที่เราชอบได้ทั้งหมด มันเป็นเราในหลาย ๆ มุม และดูไปด้วยกันได้ดี เป็นทั้งคนซีเรียสและชิล ๆ ในเวลาเดียวกัน” ไอซ์เริ่มพูดก่อนหลังจากที่เราถามพวกเขาว่า Two in Row สำหรับพวกเขาคืออะไร นิยามตัวเองว่าเป็นสตูดิโอเกี่ยวกับอะไรกันแน่ เพราะดูเหมือนพวกเขาจะทำหลายอย่างมาก ๆ

“สำหรับฝนมันเหมือนเป็นที่ที่เราได้เรียนรู้แบบไม่จบ มันไม่มีอะไรซ้ำเดิมต่อให้เราทำสิ่งเดิม มันเหมือนการใช้ชีวิตด้วยนะ ที่บางวันมันเรื่อย ๆ บางวันมีปัญหาให้แก้ มีอะไรให้จัดการ มันสนุกและเราได้เติบโตไปกับมัน อย่างฝนเป็นคนที่มองเรื่องสี แยกสีไม่ค่อยเก่ง แล้วเราก็ไม่ได้คุ้นชินกับงานอาร์ตเท่าไหร่ เพราะว่าอยู่กับเซรามิกมาตลอดสี่ปี แต่พอได้มาลองทำแล้วอยู่กับมันไปเรื่อย ๆ เรามองมันเปลี่ยนไป มันกลายเป็นสิ่งธรรมดาที่ดูสวยมาก ทั้งตัวสี ความคมชัด ความแน่นต่าง ๆ มันมีความคราฟต์อยู่ในตัว และมันสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของคนทำด้วย”

“ที่ผมชอบริโซกราฟก็คือเสน่ห์ที่เวลาเราทำกระบวนการซ้อนสี เช่น ถ้าต้องการสีแดง เราต้องใช้สีเหลืองกับส้มหรือชมพูซ้อนทับกันเพื่อให้ออกมาแดงที่สุด สิ่งอะไรพวกนี้มันอยู่ในไฟน์อาร์ต มันคือสิ่งที่ผมเรียนมา ถึงแม้ว่าผมจะยังพิมพ์แบบริโซไม่เป็นนะครับ แต่ผมมองให้แง่ของคนดู พอได้เห็นวิธีการพิมพ์ การซ้อนสีต่าง ๆ มันทำให้ผมได้เห็นเสน่ห์ของริโซกราฟเข้าไปอีก” ต้องเสริม

จากความหลงใหลในริโซกราฟและอยากมีโรงพิมพ์เล็ก ๆ ของตัวเอง ทำให้ไอซ์ ฝน และต้อง เดินทางกันมาเป็นระยะเวลาสามปีกว่า (ใกล้สี่แล้ว) พวกเขาไม่เพียงแค่เปิดโรงพิมพ์เพียงอย่างเดียว แต่พวกเขายังมีสิ่งที่สนใจ อยากทำ และกำลังทำอยู่เรื่อย ๆ ทั้งการไปออกอีเวนต์ศิลปะและออกสินค้าใหม่อย่างไอซ์ที่อินกับงานเย็บ ปัก ถัก ร้อยก็ออกแบบสินค้าของตัวเอง รวมถึงสมาชิกคนอื่น ๆ ที่ยังคงมีแพสชันกับการทำงานออกแบบในสไตล์ที่ตัวเองถนัด ซึ่งการได้ทำงานบนความชอบและความสามารถของตัวเองน่าจะเป็นคำตอบที่พอดีและดีพอสำหรับ Two in Row ที่สุดในตอนนี้แล้วก็ได้

ติดตามและซัปพอร์ตพวกเขาทั้งสามคนได้ที่ FB / IG / X : Two in Row