ยังเป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้น สำหรับกรณีฟ้องร้องระหว่างศิลปินกับบุคคลในภาพถ่ายที่นับวันก็ยิ่งจะทำให้เส้นแบ่งระหว่างเสรีภาพในงานแสดงออกผ่านงานศิลปะและการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลโดยไม่ยินยอมยิ่งดูพร่าเลือนขึ้นทุกวัน
โดยกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกก็เป็นคราวของ Spencer Elden ชายวัย 30 ปีที่ตัดสินใจยื่นฟ้องวง Nirvana ในข้อหาภาพอนาจารเด็ก และแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศจากเด็ก หลังจากที่ภาพเปลือยของเขาในวัยทารกขณะกำลังว่ายน้ำตามธนบัตร $1ถูกนำไปใช้บนปกอัลบั้ม Nevermind ตั้งแต่ปี 1991 โดยเขาให้เหตุผลว่า เขาต้องทนทุกข์ทรมาณจากการโดนละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมาตลอดหลายปี อวัยวะเพศของเขาถูกมองเห็นจากผู้คนมากมายทั่วโลก อีกทั้ง ผู้ปกครองของเขาก็ไม่เคยมีการเซ็นเอกสารยินยอมให้นำภาพดังกล่าวไปใช้งานในเชิงพาณิชย์เป็นลายลักษณ์อักษรด้วย มีเพียงผลตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ราว $200 เท่านั้น
แต่เมื่อเราไปดูเสียงตอบรับในโลกอินเตอร์เน็ตก็พบว่า ชาวเน็ตหลายคนไม่ ‘ซื้อ’ กับการกล่าวโทษของเขาสักเท่าไหร่ เพราะในช่วงวันครบรอบอัลบั้ม Nevermind ในช่วงเดือนกันยายนของทุกปี ตัว Elden เองก็ยังมีการนำปกอัลบั้มนี้มาถ่ายซ้ำเพื่อเป็นการรำลึกถึงอัลบั้มกรันจ์ร็อกในตำนานนี้อยู่อีกหลายครั้ง อีกทั้งยังมีการสักชื่ออัลบั้มดังกล่าวไว้บนแผงอกของเขาด้วย จึงไม่แปลกเลยที่จะทำให้อดีตสมาชิกวง Nirvara และ Frances Bean Cobain ลูกสาวของ Kurt Cobain ผู้ล่วงลับจะคิดว่า การฟ้องร้องครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน มากกว่าจะเป็นการปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อย่างไรก็ดี ไม่ว่าเหตุผลในการฟ้องร้องครั้งนี้ของ Elden จะเป็นเพื่อเงินหรือความเป็นธรรม แต่ปัญหาการนำภาพของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและไม่เคยยิมยอมที่ถูกนำไปใช้อย่างสาธารณะ ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าถกเถียงในสังคมต่อไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศิลปินคนดังถูกฟ้องร้องจากบุคคลในภาพปกอัลบั้ม ในปี 2012 วงร็อกจากเกาะอังกฤษอย่าง Placebo ก็ตกเป็นข่าว หลังจาก David Fox เด็กหนุ่มบนภาพปกอัลบั้ม Placebo (1996) ขู่ว่าจะฟ้องร้องวงจากการนำภาพถ่ายของเขาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และนำไปซึ่งการถูก ‘บูลลี่’ จนเขาต้องลาออกจากโรงเรียน
หรืออีกครั้งกับการที่ Vampire Weekend วงอินดี้ป็อปชื่อดังจากนิวยอร์คถูกฟ้องร้องจาก Kirsten Kennis นางแบบบนปกอัลบั้ม Contra (2010) จากการนำภาพเธอในวัยสาวมาใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาติ (เธอเห็นปกอัลบั้มนี้จากลูกสาววัยทีนในภายหลัง) อย่างไรก็ดี ปกอัลบั้มดังกล่าวเป็นการดัดแปลกมาจากภาพโพลารอยด์จากยุค 1980s ที่ทางวงซื้อต่อมาจากช่างภาพ Tod Scott Brody ที่ตัว Kennis เองนั่งยันนอนยันว่าไม่ใช่คนถ่ายภาพโพลารอยด์ใบนี้แน่นอน โดยภาพหลัง ทางวงและ Kennis ก็ยอมความกันในทางกฎหมาย และหันมาร่วมมือกันฟ้องร้อง Brody แทน
แต่ถ้าจะให้พูดถึงภาพถ่ายอันโด่งดังที่ถูกถ่ายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบุคคลในภาพแล้ว ไม่น่าจะมีภาพไหนสมควรแก่การพูดถึงมากไปกว่าภาพ Afghan Girl ภาพหญิงสาวนัยน์ตาสีเขียวบนปกนิตยสารเชิงสารคดี National Geographic ที่นอกจากจะทำให้ช่างภาพหลังเลนส์อย่าง Steve McCurry โด่งดังไปทั่วสารทิศแล้ว มันยังกลายเป็นภาพจำของคนทั่วโลกที่มีต่อประเทศอัฟกานิสถานในเวลานั้นด้วย
แม้จะถูกกล่าวขานในความงามของดวงตาที่สวยงามน่าค้นหาดั่งโมนาลิซ่าแห่งโลกที่สาม แต่แท้จริงแล้ว Sharbat Gula หญิงสาวนัยน์ตาเขียวคนนี้ไม่เคยรู้สึกยินดีกับภาพถ่ายระดับโลกชิ้นนี้เลย ซึ่งภายหลัง ในปี 2002 ได้มีการย้อนกลับไปตามหาตัวตนของเธออีกครั้ง Gula บอกว่าในเวลานั้นเธอกำลังเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามหญิงล้วน แล้วจู่ ๆ ก็มีชายแปลกหน้าเข้ามาถ่ายภาพเธอโดยไม่แม้แต่จะถามชื่อแซ่ (นอกจากจะเป็นช่วงสงครามแล้ว ในสังคมของเธอ การที่หญิงสาวจะเปิดเผยใบหน้าให้ชายแปลกหน้าที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวเห็นก็ไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไปนัก) ดังนั้น เราอาจกล่าวได้ว่า ดวงตาสีเขียวชวนดึงดูดใจนี้ แท้จริงแล้วถูกฉาบไว้ความกลัวก็คงไม่ผิดนัก
นอกจากนั้น แม้ภาพจากปี 1984 นี้ถูกนำไปใช้เป็นปกนิตยสารหัวใหญ่จนโด่งดังไปทั่วโลกในปี 1985 และสร้างชื่อเสียงเงินทองมากมายให้ McCurry แต่ตัว Gula เองกลับไม่เคยได้รับแม้แต่เงินตอบแทนจากช่างภาพและนิตยสาร National Geographic เลยด้วยซ้ำ อีกทั้งยังทำให้เธอต้องเดือดร้อนจากการใช้ชีวิตที่ทุกคนสามารถจดจำใบหน้าของเธอได้ด้วย
และถ้าคุณคิดว่าความไม่ยินยอมในการถูกถ่ายภาพถือเป็นที่สุดแล้ว แต่ก็อย่าลืมว่ามันยังมีกรณีของความไม่ยินยอมที่ถูกซ้อนทับไว้ด้วยความไม่ยินยอมอีกทีด้วยเช่นกัน อย่างกรณีของภาพ V-J Day in Times Square ภาพถ่ายระดับประวัติศาสตร์จากปี 1945 โดยช่างภาพ Alfred Eisenstaedt ที่จับภาพนายทหารเรือหนุ่มกำลังสวมกอดและจูบหญิงสาวคนหนึ่งอย่างดูดดื่มในวันเฉลิมฉลองการเอาชนะสงครามเหนือญี่ปุ่น โดยภายหลัง Greta Zimmer Friedman ผู้ช่วยทันตกรรมสาวในภาพก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า ภาพการจูบดูดดื่มที่ดูแสนโรแมนติกสำหรับคนทั้งโลก แท้จริงแล้วมันคือการล่วงละเมิดทางเพศที่ปราศจากการยินยอมของเธอ Friedman ยังกล่าวอีกว่า เธอถูกสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งตัว อีกทั้ง เธอยังไม่เคยแม้แต่จะรู้จักกับนายทหารเรือคนดังกล่าวด้วยซ้ำ ซึ่งแม้ว่าเวลาจะผ่านมาหลายสิบปีแล้วที่มันถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร LIFE ในครั้งนั้น แต่ Friedman ก็ไม่เคยยอมปรากฏตัวเข้าร่วมงานรำลึกถึงภาพถ่ายดังกล่าวเลยสักครั้งเดียว
สิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งคำถามถึงสิทธิ์และขอบเขตในการถ่ายภาพบุคคลในที่สาธารณะ โดยเฉพาะกับภาพถ่ายสตรีทที่ยังคงมีความหมิ่นเหม่ในเรื่องการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของแบบในภาพจนถึงปัจจุบัน โดยในสหรัฐอเมริกาเองก็มีการฟ้องร้องกันในประเด็นดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง อย่างในปี 2005 ก็มีกรณี Nussenzweig v. DiCorcia ที่บุคคลในภาพอย่าง Erno Nussenzweig ฟ้องร้องช่างภาพ Philip-Lorca diCorcia ที่ถ่ายภาพของเขา แล้วนำไปจัดแสดงและรวมเล่มตีพิมพ์ขายในจำนวนจำกัดโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ดี ศาลตัดสินไม่ลงโทษ diCorcia เนื่องจากพิจารณาแล้วว่า ภาพถ่ายดังกล่าวไม่ได้ถูกใช้ในเชิงพาณิชย์แต่เป็นการสร้างงานศิลปะมากกว่า นอกจากนี้ ตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกาแล้ว ช่างภาพจะได้รับการคุ้มครองจากการถ่ายภาพบุคคลในที่สาธารณะ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในงานศิลปะภาพถ่ายจะถูกพิจารณาเมื่อเป็นการจับภาพในบริเวณส่วนตัวที่ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะเท่านั้น
แม้ว่าภายหลัง วงการภาพถ่ายสตรีทจะมีช่างภาพหลาย ๆ คนมีความพยายามจะขอความยินยอมก่อนชักภาพบุคคลแปลกหน้าในที่สาธารณะ ในขณะที่หลาย ๆ คนก็เชื่อว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้ภาพถ่ายสตรีทมีเสน่ห์ลดน้อยลง แต่อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าประเด็นนี้จะยังเป็นประเด็นถกเถียงในสังคมต่ออีกไปนาน เสรีภาพในการแสดงออกเชิงศิลปะของช่างภาพหรือความยินยอมของบุคคลในภาพ อะไรจะมีความสำคัญมากกว่ากัน?
อ้างอิง:
https://www.artsy.net/article/artsy-editorial-photographers-reexamine-consent?fbclid=IwAR0SRD0huX9jcPJJ_7wXeZG-R6tdPbq5g7qQdax6DrawYUWm2snAOV0dQwY
https://abj.artrepreneur.com/is-street-photography-legal/?fbclid=IwAR3uYefDrw7EmFZAmyVFVHwqHsI-XlOeTWwrou0sNjCJJMnmx3QpOl5K6tc
https://pitchfork.com/thepitch/a-brief-history-of-musicians-being-sued-by-their-album-cover-subjects/?fbclid=IwAR1-BAYnN4crtugeNsQHqudcfoytokd6CKOJjBleggSFTEZ_3dhsGPm_0xo
https://thewire.in/media/afghan-girl-steve-mccurry-national-geographic
https://www.washingtonpost.com/outlook/2019/02/22/wwiis-most-iconic-kiss-wasnt-romantic-it-was-assault/?fbclid=IwAR0caKGwuaJ-2b13MAm_Ujv7kO6z_8hqPTpy2AmjboxwK5Mdvic-5bri2F8