บอกลา Maman ในวันฝนพรำที่ Khaoyai Art Forest

Post on 22 August 2025

ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม ทีม GroundControl นัดรวมตัวกันเพื่อมุ่งหน้าสู่ Khaoyai Art Forest ป่าแห่งศิลปะที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางขุนเขาในจังหวัดนครราชสีมา พื้นที่ที่ธรรมชาติและผลงานของศิลปินระดับโลกค่อย ๆ ประกอบร่างเข้าหากันอย่างกลมกลืน ก่อนหน้านี้หลายคนในทีมของเราเคยมาเยือนที่นี่แล้ว แต่ครั้งนี้บรรยากาศต่างออกไปนิดหน่อย เพราะเราไม่ได้แค่เดินทางมาเพื่อค้นพบอะไร แต่เป็นการมาเพื่อบอกลา Maman

Maman คือประติมากรรมแมงมุมยักษ์ของ ‘หลุยส์ บูชัวร์’ ศิลปินหญิงเชื้อสายฝรั่งเศส-อเมริกันที่ได้รับการยกย่องในความลึกซึ้งทางความหมาย โดยเธอมักหยิบประเด็นเรื่องเพศ ความสัมพันธ์ในครอบครัว และความทรงจำส่วนตัวมาแปรเปลี่ยนเป็นผลงานศิลปะ

สำหรับ Maman บูชัวร์ได้แรงบันดาลใจมาจากแม่ผู้เป็นช่างซ่อมผ้า แมงมุมจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงที่คอยถักทอ ปกป้อง และดูแลสายใยชีวิต ขณะเดียวกันก็เปราะบางและอ่อนไหว และถ้าเราลองก้าวเท้าเข้าไปใต้ท้องของ Maman แล้วเงยหน้ามองขึ้นไป เราจะเห็นไข่แมงมุมหลายสิบฟองซ่อนอยู่ในใยเหล็ก เป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่สะท้อนทั้งความเป็นที่พึ่งพิงและพลังแห่งการให้กำเนิดในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตามงาน Farewell to Maman ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การชวนทุกคนมาชม Maman เป็นครั้งสุดท้าย แต่ทีมงานยังขยายความหมายของคำว่า ‘แม่’ ออกไปในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเวิร์กชอปแมนดาลาที่เน้นแนวคิดการกำเนิดและการหมุนเวียนของชีวิต ทุกคนจะได้ลงมือปั้น seed bomb เล็ก ๆ แล้วฝังเมล็ดพันธุ์ไว้ข้างใน ก่อนจะโยนกลับคืนสู่ผืนป่าเพื่อรอวันงอกงาม เป็นการสืบต่อชีวิตในรูปแบบเรียบง่ายแต่งดงาม

พอตกเย็น เมื่อแสงสุดท้ายของวันทอดยาวลงบนลานหญ้า ใกล้ ๆ กับ Maman ก็มีการแสดงโขนร่วมสมัย ‘Melancholy of Mandodari’ ผลงานของ จิตติ ชมพี โดยฉากสำคัญที่เราชอบมาก ๆ คือฉากที่อินทรชิตขอกินนมนางมณโฑเพื่อถอนพิษ ฉากนั้นเน้นย้ำให้เราเห็นภาพบทบาทของแม่ในฐานะผู้มอบชีวิตและการเยียวยา ซึ่งการที่โขนถูกจัดวางเคียงข้างประติมากรรมแมงมุม ยิ่งทำให้บทสนทนาระหว่างศิลปะสองแขนงไหลรวมกันอย่างลึกซึ้ง

นอกจากการไปบอกลา Maman และเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้น วันนั้นทั้งวันพวกเรายังได้เดินชมผลงานมากมายที่ซ่อนตัวอยู่ใน Khaoyai Art Forest ผลงานแรกที่ได้พบคือ ‘GOD’ ของ ฟรานเชสโก อารีนา ที่มีลักษณะเป็นก้อนหินสองก้อนตั้งประกบกันราวกับหยดน้ำตาแข็งตัว เป็นความสมดุลที่ไม่สมบูรณ์แต่กลับยืนหยัดอยู่ได้เองตามธรรมชาติ ทำให้รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่ผสมผสานกันระหว่าง ศิลปะ ศาสนา หรือความเชื่อ

ถัดมาไม่ไกลคือผลงานของ อุบัติสัตย์ ชื่อว่า ‘Pilgrimage to Eternity’ เจดีย์ลังกาที่แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและถูกมอสส์ปกคลุม บางส่วนพังทลายจนนึกถึงวัฏจักรเกิด-ดับ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ ความทรงจำของสิ่งก่อสร้างทางศาสนาแทรกซึมไปในธรรมชาติ จนยากจะแยกออกว่าอะไรเป็นร่องรอยมนุษย์ อะไรเป็นผืนป่า

บนเนินสูงเราพบกับ ‘Madrid Circle’ ของ ริชาร์ด ลอง แผ่นหินเรียงเป็นวงกลมพอดี เมื่อก้าวเดินวนไปรอบ ๆ จังหวะก้าวกลายเป็นสมาธิอย่างไม่รู้ตัว วงหินเหมือนเชิญให้เราร่วมพิธีกรรมลี้ลับกลางป่าใหญ่ ที่ไม่ต้องมีพิธีการใด ๆ นอกจากการหายใจและการเคลื่อนไหวของร่างกาย ซึ่งทีมงานที่เดินเท้ามาด้วยกันก็ยังกระซิบถึงเบื้องหลังการติดตั้งงานชิ้นนี้ว่า พวกเธอเป็นคนเรียงหินเหล่านี้เองด้วย

หลังจากนั้นเราเดินลงมายัง ‘K-BAR’ ผลงานของเอล์มกรีนและแดร็กเซต บาร์กระจกเงียบ ๆ ที่ตั้งอยู่กลางป่าสุดลึกลับ พนักงานเปิดให้เราได้ลิ้มรสเครื่องดื่มสูตรพิเศษ Black Widow ค็อกเทลเข้มข้นที่ได้ยินชื่อก็ชวนให้นึกถึงแมงมุมแม่ม่ายดำ ที่ชวนให้นึกย้อนถึงร่างสูงใหญ่ของ Maman ที่ตั้งอยู่ไกลออกไป ความขม ฝาด และหวานแปร่ง ๆ สลับซับซ้อนกันอย่างบาลานซ์ ที่เมื่อยกดื่มไปนาน ๆ ก็ทำเอาคอของเราร้อนผ่าว

ขณะที่รสชาติของเครื่องดื่มยังคงอุ่นอยู่ในลำคอ เราก็ก้าวเข้าสู่ ‘Khao Yai Fog Forest Fog Landscape #48435’ ของ ฟูจิโกะ นากายะ พื้นที่ที่เราจะถูกหมอกหนาปกคลุมทุกย่างก้าว และเมื่อละอองน้ำมาเกาะตามเส้นผมและผิวหนัง ลมหายใจของเราก็เริ่มหนักขึ้นจากความชื้นรอบตัว ดวงตาพร่ามัวจนมองสิ่งที่อยู่ไกลกว่ามือของตัวเองแทบไม่ออก เป็นประสบการณ์ที่ทั้งแปลกประหลาด สนุก และงดงาม ราวกับได้ก้าวเข้าสู่โลกที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นจักรวาลไหน

ไกลออกไปยังมีผลงาน Two Planets ของ อารยา ราษฎร์จำเริญสุข ที่ต้องมองหาทางเดินเล็ก ๆ ถึงจะเจอ ทางเดินนั้นพาเราเข้าพบกับไปวิดีโออาร์ตที่ถ่ายทอดบทสนทนาของชาวบ้านไทยกับงานศิลปะตะวันตก งานชิ้นนี้ตั้งคำถามถึงการรับรู้ ความแตกต่าง และการตีความ ราวกับโลกสองใบที่ไม่มีวันโคจรมาเจอกัน แต่ก็ยังคงดำรงอยู่คู่กันได้

ก่อนกลับที่พัก เราก็ได้พบกับ Maman อีกครั้งพร้อมอาหารค่ำ ทุกองค์ประกอบพาเราหวนกลับสู่ความหมายของการ ‘บอกลา’ ทั้งกับงานศิลปะและกับการเดินทางในวันนี้ ใต้แสงสลัวหลังฝนพรำ ขาเหล็กของ Maman ยังคงแผ่กว้างเหมือนอ้อมแขนมหึมาโอบล้อมพื้นที่โดยรอบ หลังจากทานอาหารคำสุดท้าย พวกเราทุกคนก็ค่อย ๆ ก้าวออกจากลานหญ้า และโบกมือลา Maman อย่างอิ่มใจ

เราไม่รู้ว่าการกลับมาเยือน Khao Yai Art Forest ครั้งหน้าจะได้เจอกับงานชิ้นใด อาจเป็นผลงานใหม่ อาจเป็นบทสนทนาศิลปะที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง แต่สิ่งหนึ่งที่เราพอจะคาดเดาได้ ก็คือการที่ป่าศิลปะแห่งนี้จะยังคงเป็นพื้นที่ที่ธรรมชาติและศิลปะหลอมรวมเข้าหากัน และรอให้เราได้เดินทางกลับไปสำรวจอีกครั้งในอนาคต