ปั้นแบรนด์ให้ได้ใจคนดนตรี สร้างพื้นที่ให้ครบทั้งระบบนิเวศน์ สัมภาษณ์พิเศษผู้บริหาร Marshall กับการเปิด Livehouse ใหม่ที่กรุงเทพฯ

Post on 2 September 2025

เมื่อแบรนด์เครื่องเสียงระดับตำนานที่อยู่คู่นักดนตรีและคนฟังเพลงมากว่า 60 ปีอย่างมาร์แชล (Marshall) ตัดสินใจที่จะสร้าง ‘Livehouse’ แห่งแรกของโลก พวกเขากลับเลือกปักหมุดที่กรุงเทพมหานคร แน่นอนคำถามที่ตามมาคือ ทำไมต้องเป็นที่นี่ นี่ไม่ใช่แค่การเปิดหน้าร้านทั่วไปด้วยซ้ำ เพราะแค่ดูแปลนก็รู้ว่ามันเต็มไปด้วยพื้นที่ทางวัฒนธรรม จากความตั้งใจจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทางดนตรีอย่างแท้จริง
GROUNDCONTROL ได้รับโอกาสพิเศษสุด ๆ ในการนั่งคุยกับสองผู้บริหารคนสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์นี้ คือ คุณ Nick Street (Chief Marketing Officer) ผู้มีวิสัยทัศน์ด้านแบรนด์และวัฒนธรรมระดับโลก และ คุณแพน - หทัยชนก อรรถบุรานนท์ (Head of Music & Culture) ผู้มากประสบการณ์ฝังรากลึกอยู่ในวงการดนตรีของไทย มาเจาะลึกถึงเบื้องหลังแนวคิด ความฝัน และเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของ Marshall Livehouse Bangkok

ตลอดบทสนทนานี้เต็มไปด้วยเรื่องน่ารู้ว่าทำไมมาร์แชลถึงเป็นแบรนด์ที่อยู่คู่ใจชาวหูหนักผูกพันกันมายาวนานได้ขนาดนี้ และว่าทำไมกรุงเทพฯ ถึงเป็นพื้นที่สุดพิเศษจริง ๆ สำหรับงานสร้างสรรค์ สำหรับนักฟังและนักเล่นดนตรี บทความนี้จะเปิดเผยเส้นทางสู่วงการอย่างหมดเปลือก และสำหรับคนปั้นแบรนด์ที่กำลังอยากสร้างคอมมูนิตี้ นี่คือไกด์ไลน์ของผู้มีประสบการณ์ตรงที่เต็มไปด้วยแง่มุมให้เก็บไปทำงานกัน!

เมื่อแบรนด์กลายเป็นตัวตน

ก่อนจะไปถึงเรื่อง Livehouse เราอยากชวนมาทำความรู้จักหัวใจของมาร์แชลกันก่อน คุณ Nick Street ผู้บริหารอดีตเด็กสเก็ตและคนดนตรี เล่าให้เราฟังว่า Marshall ไม่ได้มองตัวเองเป็นแค่ผู้ผลิตสินค้า แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่เติบโตมาพร้อมกับ “เสียง” ของศิลปิน

“แบรนด์ของเราสนับสนุนและฟังเสียงของศิลปินนักดนตรีมาตลอดตั้งแต่แรก” คุณ Nick เริ่มต้น “Jim และ Terry Marshall (สองพ่อลูกผู้ริเริ่มแบรนด์) ฟังเสียงจากชุมชนดนตรีและนักกีตาร์ เพื่อมาสร้างสิ่งที่พวกเขาต้องการ และตอนนี้มันเติบโตไปไกลกว่านั้นมาก”

การเติบโตที่ว่านี้ ไม่ใช่แค่การขยายไลน์ผลิตภัณฑ์จากแอมป์กีตาร์สู่หูฟังและลำโพงที่คนไทยคุ้นเคย แต่คือการสร้างความผูกพันทางอารมณ์ที่ลึกซึ้ง จนโลโก้มาร์แชลกลายเป็นสัญลักษณ์ของ ‘ตัวตน’
“ตัวสินค้าเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่ความผูกพันทางอารมณ์กับแบรนด์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เวลาที่คุณเลือกใส่หูฟังมาร์แชลแทนที่จะเลือกหูฟังที่ธรรมดา คุณกำลังเลือก ‘ตัวตน’ บางอย่างไปด้วย” Nick บอก
นี่คือสิ่งที่ทำให้มาร์แชลแตกต่าง และเป็นเหตุผลว่าทำไมการสร้าง Livehouse จึงไม่ใช่แค่การทำโชว์รูม แต่คือการสานต่อมรดกนั้น ให้ผู้คนได้เข้ามาสัมผัสและเชื่อมโยงกับแบรนด์อย่างแท้จริง ผ่านประสบการณ์ตรงที่จับต้องได้

โอกาสและความท้าทายในมหานคร

คำถามสำคัญคือ ทำไมเมืองหลวงของไทยจึงถูกเลือกเป็นที่ตั้งของ Livehouse แห่งแรกของโลก? คุณแพน หทัยชนก ผู้คลุกคลีกับวงการดนตรีไทยมานับทศวรรษ ให้ภาพที่ชัดเจนว่า กรุงเทพฯ มีทั้งศักยภาพและความท้าทายที่น่าสนใจ

“การเป็นศิลปินในไทยดูเหมือนง่าย คุณสร้างเพลงแล้วก็อัปโหลดลงสตรีมมิ่งได้เลย” คุณแพนอธิบาย “แต่การจะเป็นที่ยอมรับ สร้างแฟนคลับ หรือได้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง กลับเป็นเรื่องยากกว่า โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ใช่ศิลปินในกระแสหลัก”

“ถ้าคุณทำอะไรที่แตกต่าง บางคนอาจบอกว่า “โอ้ เจ๋ง” แล้วก็ฟังแค่ครั้งเดียวแล้วหายไป ทั้งที่จริงเรามีศิลปินไทยที่น่าสนใจและมีความสามารถมากมาย แต่พวกเขาไม่มีโอกาสทำให้สิ่งนี้เป็นอาชีพหรือทำต่อเนื่องในชีวิตจริง”

เธอมองว่าวัฒนธรรมไทยมีความพิเศษคือ “เปิดกว้างในแง่หนึ่ง แต่ก็ปิดในอีกแง่หนึ่ง” เราพร้อมจะลองฟังเพลงใหม่ๆ แต่ศิลปินนอกกระแสจำนวนมากที่มีความสามารถกลับขาดโอกาสที่จะยึดเป็นอาชีพได้จริง นี่คือช่องว่างที่ Marshall Livehouse ต้องการเข้ามาเติมเต็ม

“บทบาทของเราคือการสนับสนุน อาจเป็นเพียงสะพานหรือจุดกระโดดให้พวกเขาไปต่อในเส้นทางของตัวเอง” คุณแพนกล่าว

กรุงเทพฯ จึงเป็นเหมือนห้องทดลองที่สมบูรณ์แบบ มีความยืดหยุ่น มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และมีศิลปินที่รอคอยการค้นพบ Marshall ไม่ได้มองแค่การนำแบรนด์เข้ามา แต่ต้องการใช้ทรัพยากรระดับโลกที่มี เพื่อขยายเสียงของศิลปินท้องถิ่นให้ดังไกลขึ้น

ภาพฝันของ ‘วันที่สมบูรณ์แบบ’ และก้าวต่อไปของ Marshall Livehouse

เมื่อถามถึงภาพฝันของวันที่สมบูรณ์แบบสำหรับ Marshall Livehouse ทั้งสองคนให้คำตอบที่สะท้อนถึงเป้าหมายของพวกเขาได้อย่างทรงพลัง

สำหรับคุณ Nick วันที่สมบูรณ์แบบคือวันที่ทุกชั้นของอาคารมีชีวิตชีวา “ถ้าเรามีงานนิทรรศการศิลปะบนชั้นบนสุด ดีเจกำลังเปิดเพลงมันๆ เชฟรับเชิญกำลังทำค็อกเทลข้างล่างขณะที่วงดนตรีเล่นสด วงทัวร์แวะมาซ้อม และครูกีตาร์กำลังสอนเด็กเล่นคอร์ดแรก… นั่นคือวันที่สมบูรณ์แบบ และทุกคนเหล่านี้มาจากชุมชนที่ติดต่อเราเข้ามาเอง”

เช่นเดียวกันกับที่คุณแพนมองเห็นภาพที่จับต้องได้และเป็นรูปธรรมของวงดนตรี “อาจเป็นวันที่มีวงมากมายเข้ามาซ้อม แล้วขึ้นเวที และเรารู้สึกว่าได้ค้นพบวงใหม่ที่ดีจริงๆ แล้วมีคนจากค่ายเพลงมาเห็นโชว์แล้วบอกว่า ‘ทำเลย’ นั่นแหละคือวันนั้น”

และความฝันนั้นก็เกิดขึ้นจริงแล้ว เพราะในวันสัมภาษณ์ พวกเขาเพิ่งประกาศว่า Réjizz ศิลปินไทยได้เซ็นสัญญากับ Marshall Records ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดว่า ‘สะพาน’ ที่พวกเขาสร้างขึ้น ได้เริ่มทำหน้าที่ของมันแล้ว

การเดินทางของ Marshall Livehouse Bangkok เพิ่งจะเริ่มต้น แต่วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและความตั้งใจจริงที่จะเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้ ก็ทำให้ที่นี่เป็นมากกว่าแค่สถานที่ แต่เป็นหมุดหมายใหม่ที่น่าจับตาของวงการดนตรีไทย ที่พร้อมจะขยายเสียงของศิลปินท้องถิ่นให้ดังก้องไปทั่วโลก