ภายใต้เพดานสูงของอาคารเก่าแก่ที่ครั้งหนึ่งอบอวลด้วยกลิ่นหมึกและกระดาษของสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช ก่อนจะปิดฉากลงไป
วันนี้ พื้นที่แห่งนั้นกลับมีชีวิตอีกครั้ง ราวกับภาชนะที่รองรับทั้งความทรงจำและจิตวิญญาณใหม่ ๆ ตรงกลางห้องอันกว้างใหญ่คือผลงานศิลปะสิ่งทอขนาดมหึมา ถักทอขึ้นจากเศษผ้า วัสดุเหลือใช้ และเรื่องราวที่รอคอยการค้นพบ ผลงานของศิลปินสิ่งทอแถวหน้าของไทย ที่หลายคนอาจเคยสัมผัสมาแล้วโดยไม่รู้ตัว
นี่คือนิทรรศการเดี่ยว “Mitta del Santi” ของ มุก–เพลินจันทร์ วิญญรัตน์ ผู้ซึ่งใครหลายคนอาจนิยามว่าเป็น “ดีไซเนอร์” “เจ้าของแบรนด์” หรือ “ศิลปินผู้สร้างงานชิ้นใหญ่ถึง 6.5 x 25 เมตรที่ศูนย์สิริกิติ์” แต่สำหรับเธอแล้ว คำจำกัดความที่แท้จริงกลับเรียบง่ายกว่านั้น—
“พี่เป็นแม่ก่อน เป็นแม่ของลูกแฝดสาม เพราะสิ่งที่พี่ทำมาตลอดมันมาจากตัวเราเอง และอยากสอนลูก อยากให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่าง”
ความเป็นแม่จึงกลายเป็นจุดตั้งต้นของการสนทนา และยังเป็นรากฐานของงานศิลปะทุกชิ้นในชีวิตเธอ มุกเปลี่ยน “ขยะ” ในสายตาคนทั่วไปให้กลายเป็นความงดงาม เปลี่ยนเศษเสี้ยวแห่งความโหดร้ายให้เป็นประกายแห่งความหวัง เพื่อส่งต่อให้ลูก ๆ และเพื่อมอบให้โลกใบนี้

แม่ผู้ทำงานศิลปะ
สำหรับ มุก เพลินจันทร์ ความเป็นแม่คือรากฐานสำคัญของการทำงานศิลปะ ทุกโปรเจกต์ ทุกชิ้นงาน ล้วนเติบโตจากความตั้งใจที่จะ “สอน” และสร้าง “ตัวอย่าง” ที่ดีให้ลูก ๆ ได้เห็น โดยเฉพาะการเรียนรู้ที่จะมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่สังคมอาจมองข้าม
“ในงานนี้ วัสดุส่วนใหญ่ทำจากของเหลือหรือขยะจากโปรดักชัน ซึ่งลูก ๆ เป็นคนช่วยเก็บให้มาตลอด เขาเลยได้เห็นว่าสิ่งที่คนอื่นมองว่าไร้ค่า แม่นำมาสร้างเป็นงานศิลปะได้ อย่างขวดน้ำในมือนี้ ดื่มเสร็จแล้วก็ยังเอากลับบ้านไปทอเป็นงานต่อได้” เธอกล่าวพลางชี้ให้ดู
การเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นงานศิลปะ สำหรับมุก ไม่ได้เป็นเพียงการพูดถึง “ความยั่งยืน” แต่คือการปลูกฝังหัวใจที่มองเห็นความงามและศักยภาพในทุกสิ่ง พร้อมทั้งทำให้ความยั่งยืนเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน
การเลี้ยงลูกจึงไม่ต่างอะไรจากการสร้างสรรค์งานศิลปะ ที่ต้องอาศัยความรัก ความอดทน และความทุ่มเทอย่างหมดหัวใจ
“แม่จะมีความรักลูกมากกว่ารักตัวเอง” เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าเราทุ่มเทกับสิ่งใดด้วยความรัก ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ อาจไม่เพอร์เฟกต์ในสายตาคนอื่น แต่สำหรับเรา มันเต็มที่แน่นอน”

หัวใจแห่งการสอนและการเยียวยา
ผลงานล่าสุดของ มุก เพลินจันทร์ ในนิทรรศการ “Mitta del Santi” ถือกำเนิดขึ้นในช่วงที่ความขัดแย้งระหว่างประเทศเพื่อนบ้านกำลังร้อนแรง แต่แทนที่เธอจะมองด้วยสายตาของผู้วิจารณ์การเมือง มุกเลือกมองด้วยหัวใจของ “แม่” ที่โหยหาการเยียวยา เธอเปรียบความขัดแย้งนั้นกับ “พรมแดน” ที่แทบจะมองไม่เห็นในผลงานชิ้นใหญ่ของตนเอง
“งานชิ้นนี้มันแทบจะไม่เห็นเลยว่ามีเส้นแบ่งพรมแดนอะไร แต่สร้างขึ้นจากงานเล็ก ๆ หลายชิ้นที่ประกอบกัน” เธอกล่าว พลางชี้ไปยังผืนผ้าใบมหึมาที่กินพื้นที่เต็มผนังของอดีตอาคารสำนักพิมพ์
ภาพตรงหน้าเต็มไปด้วยเส้นสาย สีสัน และพื้นผิวที่แตกต่าง คล้ายประสบการณ์หลายมิติที่มาปรากฏต่อสายตาในคราวเดียว เสมือนบันทึกเหตุการณ์ขนาดใหญ่ที่ถูกร้อยเรียงให้เราสัมผัสร่วมกัน
“ถ้าเราไม่มองสิ่งต่าง ๆ ในทางลบ แต่เลือกมองสิ่งดี ๆ มันคือการเยียวยาอย่างหนึ่ง ทำไมเราไม่ช่วยกันทำสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้น นั่นแหละคือการเยียวยาสำหรับพี่” มุกอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
นอกจากแนวคิดอันลึกซึ้งแล้ว ผลงานยังผูกพันกับประวัติศาสตร์ของสถานที่อย่างแนบแน่น เธอนำแรงบันดาลใจจากโลโก้วงกลม 3 วงของสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช ซึ่งเป็นอดีตเจ้าของอาคารแห่งนี้ มาต่อยอดเป็นเศษผ้ารูปวงกลม 399 ชิ้น ที่สำคัญ เธอยัง “พิมพ์” เรื่องราวใหม่ลงบนแต่ละผืน
“พี่ไปเลือกคำที่มีความหมายเชิงบวกจากหนังสือ ดรุณศึกษา ซึ่งเคยพิมพ์ที่นี่ แล้วเอามาแสตมป์ลงบนผ้า เหมือนให้เกียรติสถานที่” มุกเล่า คำเหล่านั้นมีทั้ง ธรรมะ, จิตใจดี, คนดี ถ้อยคำที่สะท้อนสัญชาตญาณของแม่ผู้คอยสอนลูกอยู่เสมอ
หากพูดถึง “ศิลปะสิ่งทอ” หลายคนอาจจินตนาการถึงเส้นใยและผืนผ้าที่งดงาม แต่สำหรับมุก จุดเริ่มต้นของงานกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง
“พี่ไม่ได้ซื้อเส้นใยมาแล้วมาทอ พี่ใช้สิ่งรอบตัวทำเป็นวัตถุดิบก่อน กระบวนการคือเอาขยะหรือสิ่งเหลือใช้มาไว้ตรงหน้า แล้วค่อยคิดว่าเราจะแปลงมันเป็นอะไรได้บ้าง”
วัสดุที่ปรากฏในงานจึงมีตั้งแต่กระป๋องโค้ก ขวดพลาสติก เทปคาสเซ็ตต์ ไปจนถึงเอ็นตกปลา เธอนิยามตัวเองว่าเป็นศิลปิน Textile Art หรือ Mixed Media ที่ไม่ยึดติดกับเทคนิคใด แต่เลือกหยิบทุกสิ่งรอบตัวมาหลอมรวม เล่าเรื่องใหม่ และสร้างความหมายขึ้นมาอีกครั้ง
ที่สำคัญไปกว่านั้น กระบวนการสร้างงานยังเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงผู้คน มุกทำงานร่วมกับกลุ่มนักทอผ้าในชุมชน เพื่อยกระดับงานฝีมือให้กลายเป็นสายใยทางสังคม งานศิลปะของเธอจึงไม่ได้เพียงทอด้วยเส้นใย แต่ยังถักทอด้วยความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนด้วย

มาถักทอเรื่องราวของเราเอง
นระหว่างการจัดแสดงนิทรรศการ มุกยังเปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วม ผ่านเวิร์กช็อป “Weaving a Story” ที่ชวนทุกคนมาลองถักทอเรื่องราวของตนเอง หรือสานต่อความทรงจำของสถานที่แห่งนี้ โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อน เป็นโอกาสพิเศษที่จะได้สัมผัสกระบวนการสร้างสรรค์ของศิลปินอย่างใกล้ชิด และค้นพบว่าเราทุกคนต่างก็สามารถเป็นผู้เล่าเรื่องและผู้สร้างสรรค์บทใหม่ได้เช่นเดียวกัน
เรื่องราวของ มุก เพลินจันทร์ และนิทรรศการ “Mitta del Santi” บอกกับเราว่า ทุกสิ่ง แม้จะถูกมองว่าไร้ค่า หรือหมดความหมายไปแล้ว ก็ยังสามารถกลับมามีที่ทาง และเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เสมอ เพียงแค่เรามองมันด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจ
“เศษผ้าเหล่านี้ไม่ใช่เพียงซากที่เหลืออยู่ แต่คือบทต่อไปของเรื่องราว” มุกกล่าวทิ้งท้าย “สิ่งที่ดูเหมือนหมดค่าและสิ้นสุดไปแล้ว ได้กลับกลายเป็นภาชนะที่บรรจุแสงสว่าง การเริ่มต้นใหม่ และความหวัง ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์นี้”
นิทรรศการ : Mitta del Santi โดยศิลปิน มุก เพลินจันทร์ วิญญรัตน์
สถานที่ : บางกอก คุนส์ฮาเลอ (Bangkok Kunsthalle)
วันเวลา : วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2568 (14:00–20:00 น., เปิดเฉพาะวันเสาร์–อาทิตย์)
เวิร์กช็อป “Weaving a Story” : เข้าร่วมฟรี! วันที่ 8 และ 22 พฤศจิกายน 2568 เวลา 15:00–18:00 น.

