เปิด 6 ตำนาน เบื้องหลังงานศิลปะใน Thailand Biennale, Phuket 2025

Post on 24 December 2025

หลายคนเดินทางมาภูเก็ตเพื่อหลบเร้นการงานร้อน ๆ ไปกับหาดทรายขาวหรือรีสอร์ตชิค ๆ แต่สำหรับมหกรรมศิลปะนานาชาติ Thailand Biennale, Phuket 2025 ซึ่งจัดขึ้นที่นี่ภายใต้ธีม “นิรันดร์ [กัลป์]” หรือ Eternal [Kalpa] ภูเก็ตกำลังจะได้เผยโฉมหน้าของมิติแห่งการเวลาและจักรวาลที่ดำเนินอยู่แผ่วเบา ให้ทุกคนได้รู้

ศิลปินกว่า 60 ชีวิตจะมาตีความ “เมืองแห่งการท่องเที่ยว“ นี้ ผ่านงานศิลปะที่ทำงานกับเรื่องราวในพื้นที่ ว่าจะมีประสบการณ์แปลกใหม่อะไรผุดขึ้นมาได้บ้าง และยังมีโลกคู่ขนานหรือเวลาในมิติอื่นใดไหนอีกบ้าง ที่เราอาจไม่เคยรับรู้ แม้จะอยู่ในสัมผัสได้เสมอ

GROUNDCONTROL ชวนนักชมศิลปะช่างสงสัยทุกคน ที่ต้องการไขรหัสจักรวาลภูเก็ต มารู้จักกับ 6 ตำนาน ไม่ว่าจะอิงกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่น หรือตำนานที่เดินทางมาพร้อมผู้คนจากแห่งหนอื่น ทั้งเรื่องที่ “สมจริง“ หรือเรื่องที่ “มหัศจรรย์“ แต่กลับดูจริงยิ่งกว่าจริง ซึ่งเรื่องราวเล่านี้ ก็ซุกซ่อนอยู่ในผลงานต่าง ๆ ในภูเก็ต ถ้าใครกำลังเตรียมไปดู ก็ลองตามลายแทงทางความคิดเหล่านี้ไปอ่านต่อกันดู หรือถ้าใครไปดูแล้วมีเกร็ดความคิดอะไร ก็ลองมาเล่าให้ฟังกันต่อได้!

กวางเก้าสี : นิทานชาดกกับตำนานเควียร์ร่วมสมัย

ในเรื่องราวหนึ่งตามชาดกของพระโพธิสัตว์ ท่านเสวยชาติเป็นพญากวางผู้มีขนงดงามเปล่งปลั่งดังอัญมณีประกายเก้าสี ซึ่งมีวันหนึ่งได้ลงไปช่วยชายตกน้ำในป่า แต่ชายคนนั้นกลับนำข้อมูลที่อยู่ของกวางนี้ไปบอกฮ่องเต้ ผู้กำลังตามหากวางนี้มาทำผ้าคลุมให้พระมเหสี ทั้งที่เขาให้สัญญากับพญากวางไว้แล้วว่าจะไม่บอกที่อยู่กับใคร พญากวางจึงได้บอกเรื่องนี้กับฮ่องเต้ จนฮ่องเต้ลงโทษชายคนนั้น และปล่อยพญากวางให้เป็นอิสระแทน

Andrew Thomas Huang ศิลปินทัศนศิลป์และผู้กำกับภาพยนตร์ระดับโลก ผู้มีชื่อเสียงจากการผสานเทคโนโลยีเข้ากับเรื่องเล่าทางจิตวิญญาณ คราวนี้เขาไม่ได้เพียงแค่หยิบชาดกจากพุทธศาสนามาเล่าใหม่ แต่เขามาเพื่อ "สร้างตำนานใหม่" และพิสูจน์ว่า "ความศักดิ์สิทธิ์" ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้กรอบเพศกระแสหลัก ในงานวิดีโอและประติมากรรมจัดวาง 25 นาที “The Deer of Nine Colors” เขาเล่าเรื่องผ่านตัวละคร "นวล" หญิงสาวผู้ระลึกชาติได้ว่าเคยเป็นกวางสมัน สัตว์สูญพันธุ์อันงดงามของไทย การเชื่อมโยงเรื่องราวพุทธชาดกเข้ากับมิติทางจิตวิญญาณ สิ่งแวดล้อม และ “ความเป็นอื่น” ทำให้งานที่จัดแสดงในศาลเจ้ากะทู้ชิ้นนี้ กลายเป็นการปะทะสังสรรค์ที่ทรงพลังระหว่างความเชื่อดั้งเดิมกับตัวตนร่วมสมัย

สถานที่จัดแสดง: ศาลเจ้ากะทู้

โศกนาฏกรรมที่กะทู้ : ล่องลอยไปในประวัติศาสตร์บาดแผล

ภูเก็ตในช่วงต้นรัชกาลที่ 5 มีกลุ่มจับกังเหมืองแร่ หรือที่เรียกกันว่า “อั้งยี่“ ใหญ่ ๆ อยู่สองกลุ่ม คือกลุ่มงี่หิน หรือ “พวกแดง“ อยู่ที่อำเภอกะทู้ และกลุ่มปุงเถ่ากง หรือ “พวกขาว“ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าและใกล้ชิดกับเจ้าเมือง แม้ทั้งสองจะทำเหมืองแร่อยู่คนละพื้นที่ แต่กลับต้องแย่งชิงน้ำจากสายน้ำเดียวกันเพื่อล้างแร่ จนเกิดเป็น “สงคราม“ บาดเจ็บล้มตายเรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 2422 ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันได้ จึงมีการนัดกินเลี้ยงฉลอง แต่ฝ่ายตลาดกลับหลอกให้ฝ่ายกะทู้ดื่มจนเมามายแล้วจุดไฟเผาอาคาร สังหารหมู่พวกเขาทั้งเป็น เหตุการณ์นี้เองที่เป็นที่มาของการสร้างศาลต่องย่องสู เพื่อเก็บป้ายวิญญาณ 412 ชื่อผู้เสียชีวิต และเป็นมรดกบาดแผลที่ภูเก็ตไม่อาจลืม

ในโรงหนังเก่าที่เต็มไปด้วยร่องรอยของเวลา ไทกิ ศักดิ์พิสิษฐ์ ศิลปินและนักทำหนังผู้เชี่ยวชาญการสร้างบรรยากาศอันเข้มข้น ใช้ระบบเสียงรอบทิศทาง 10 แชนแนลที่ออกแบบมาล้อมทิศประสาทสัมผัส จนทำให้ขอบเขตระหว่าง "เรา" กับ "ประวัติศาสตร์" เลือนหายไป ใน "Foreign Bodies" ประวัติศาสตร์ไม่ใช่สิ่งที่ตั้งตระหง่านให้เรายืนมองจากที่ไกล ๆ แต่คือ “ชั้น” ที่เราต้องเดินลึกเข้าไป หรือในบางขณะ มันอาจเป็นฝ่ายพุ่งตรงมาหาเราก็ได้ ผ่านภาพนิมิตของวิญญาณแม่ม่ายและเหยื่อจากการสังหาร ท่ามกลางบรรยากาศหม่นเศร้าของโรงหนังเพิร์ล

สถานที่จัดแสดง: โรงหนังเพิร์ล (Pearl Theater)

พระอภัยมณี : ร่องรอยการล่วงล้ำที่ยังไม่จางหาย

ในวรรณคดีเอกของไทยโดยกวี “สุนทรภู่“ เมื่อเจ้าชาย “พระอภัยมณี” ถูกเนรเทศเพราะไปเรียนวิชา “เป่าปี่” ที่กษัตริย์มองว่าไร้ค่า เขาถูกนางผีเสื้อสมุทรลักพาตัวไปอยู่กินจนมีบุตรชื่อสินสมุทร ก่อนจะหนีมาพึ่งพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดารและได้นางเงือกเป็นภรรยา การเดินทางกอบกู้บ้านเมืองที่ตามมาเต็มไปด้วยมหาสงครามกับเมืองลังกา สลับกับมนต์เสน่ห์และอาคมที่ทำให้เหล่ากษัตริย์หลงมัวเมา ก่อนที่เรื่องราวจะจบลงด้วยการละวางทางโลกและออกบวชเพื่อสันติภาพ...

กลุ่มศิลปะ สปีดี้ แกรนด์มา (Speedy Grandma) ใช้ความกบฏทางศิลปะรื้อสร้างวรรณคดีคลาสสิกของสุนทรภู่ผ่านผลงาน "ความคิดค้างคาในน้ำเค็ม" ซึ่งชวนให้นึกย้อนไปว่าฉากหลังของเรื่องนี้แท้จริงแล้วคือ ทะเลอันดามัน โดยมี "เมืองผลึก" ในเรื่อง เป็นภาพสะท้อนของ เมืองถลาง (ภูเก็ต) ในยุคที่กำลังถูกคุกคามจากการล่าอาณานิคมของอังกฤษ
ฉากการต้อนรับดังล็อบบี้โรงแรมในโรงแรมเก่า ชวนให้คิดไปว่าภูเก็ตกำลังถูก 'รุกล้ำ' พื้นที่ทางวัฒนธรรมและความคิดจากอิทธิพลภายนอกมา ตั้งแต่ยุคปืนใหญ่เรือรบจนถึงยุคเครื่องบินนักท่องเที่ยวในปัจจุบันหรือไม่ อย่างไร

สถานที่จัดแสดง: โรงแรมเมลโลว์ พิลโลว์ (Mellow Pillow Hotel)

พระนางเลือดขาว : เสียง (และกลิ่น) ของผู้บริสุทธิ์

ราวปี พ.ศ. 1790 “พระนางเลือดขาว” มเหสีผู้เลื่อมใสในพุทธศาสนาและงามด้วยเบญจกัลยาณี ถูกเสนาบดีใส่ร้ายว่ามีชู้จนต้องโทษประหาร ก่อนตายพระนางขอเดินทางไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุที่ลังกา และกลับมาสร้างวัดพระนางสร้างที่ภูเก็ต เมื่อเพชฌฆาตลงดาบ เลือดที่หลั่งออกมากลับเป็น “สีขาวบริสุทธิ์” เพื่อยืนยันความไม่มีมลทิน ตำนานนี้เกี่ยวเนื่องไปถึงเรื่องราวของ “พระนางมสุหรี” แห่งเกาะลังกาวี กลายเป็นร่องรอยประวัติศาสตร์บาดแผลที่ถูกเล่าใหม่ตามเงื่อนไขของวัฒนธรรมในลุ่มน้ำอันดามัน

กมล เผ่าสวัสดิ์ บุกเบิกศิลปะเชิงแนวคิดมาสร้างสรรค์ "กวีนามธรรมแบบเหนือจริง" ในผลงาน "พันธสัญญาที่เปล่าประโยชน์" ศิลปินสร้างศิลปะจัดวางที่มีทั้ง แสง เสียง ต้นไม้หลากสายพันธ์ และ "จิตรกรรมกลิ่น"

พื้นที่ถูกแบ่งออกเป็นห้อง ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์หลากสัมผัส ให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงความแตกสลายของจิตวิญญาณพระนางเลือดขาว เป็นการทวงคืนศักดิ์ศรีและพื้นที่ทางความคิดให้กับเสียงของผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีใครเคยได้ยิน โดยมีกลิ่นที่อบอวลเป็นดั่งพยานสุดท้ายของการมีตัวตนที่เคยถูกลบเลือนไปกับความอยุติธรรม

สถานที่จัดแสดง: ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ (มหาชน) สาขาภูเก็ต (เดิม)

เทศถือศีลกินผัก : การเมืองเรื่องพลัดถิ่นที่เลือนหาย

คนกรุงเทพฯ อาจรู้จักประเพณีกินผักในฐานะการ “กินเจ” แต่ประเพณี “กินผัก” หรือ “เจี๊ยะฉ่าย” ของชาวฮกเกี้ยนในภูเก็ตที่โด่งดังระดับโลก ที่จริงมีรากเหง้าที่ซับซ้อนไปไกลมากกว่าเรื่องบุญบาป นอกจากการบูชา “กิ่วหองไต่เต่” (นพราชาธิราช) เพื่อปัดเป่าโรคภัยแล้ว ยังมีนัยทางการเมืองของสมาคมลับอั้งยี่ที่ใช้พิธีกรรมเป็นฉากหน้าในการ “ล้มชิงกู้หมิง” เชื่อมโยงไปยังอดีตของถิ่นที่จากมา โดยมีหนึ่งในวัตถุหลักฐานสำคัญคือ “เกี้ยว” หรือ “ตั้วเหลี้ยน” ที่ประทับขององค์เทพ ซึ่งผู้คนจะนั่งลงกราบไหว้เมื่อขบวนเคลื่อนผ่าน ซึ่งภายในศาลเจ้า ห้องลับที่เก็บเกี้ยวและป้ายนามเทพเจ้ามักถูกปิดม่านบังตาไว้อย่างมิดชิดเพื่อใช้เป็นที่ประชุม ชุดขาวที่สวมใส่จึงไม่ใช่แค่ความบริสุทธิ์จากการเว้นเนื้อสัตว์ แต่คือการ “ไว้ทุกข์” ให้กับวีรชนบรรพชนที่ล่วงลับไปในกระแสธารแห่งความทุกข์ยากและการอพยพ

สะรุจ ศุภสุทธิเวช สำรวจความเปราะบางของความทรงจำและศรัทธาที่กำลังถูกแช่แข็งผ่านผลงาน "[[ไม่]หวนคืน]" เขาใช้ศิลปะจัดวางที่ประกอบด้วยวิดีโอ ควัน และไฟหลากสี เพื่อตั้งคำถาม ถึงพิธีกรรมที่ค่อย ๆ ถูกกลืนกลายเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

ในงานวิดีโอของเขา เราจะได้เห็นภาพของ “เกี้ยว” ที่เคยศักดิ์สิทธิ์สูงสุดแต่กลับแอบมี (หรือไม่มี?) ชีวิตอยู่เงียบ ๆ ในตอนนี้ ลวดลายมงคลที่สลักเสลาอย่างประณีตสะท้อนถึงวาสนาและอำนาจบารมีในอดีตที่กำลังเลือนหาย ถักทอเรื่องราวไปกับเสียงดนตรีภาษาจีนซึ่งอยู่ในความทรงจำของชาวจีนโพ้นทะเล และเรื่องราวของเต่าทะเลซึ่งกลายเป็นร่างไร้ลมหายใจ ทั้งหมดนี้เรียงร้อยกันสร้างประสบการณ์ต่อการพลัดถิ่นและการหวนคืน การสูญหาย และการเกิดใหม่อีกครั้ง

สถานที่จัดแสดง: โรงแรมเมลโลว์ พิลโลว์ (Mellow Pillow Hotel)

Thailand Biennale, Phuket 2025
ระยะเวลาจัดแสดง: 29 พฤศจิกายน 2568 – 30 เมษายน 2569
สถานที่จัดแสดง: 20 จุดทั่วเกาะภูเก็ต